กระดานสุขภาพ

สอบถามหน่อยค่ะ
Kyok*****7

12 สิงหาคม 2557 07:51:29 #1

สอบถามหน่อยค่ะเกี่ยวกับว่า หนูมีsexกับแฟนแล้วไม่ได้ป้องกันแต่มีอะไรกันหลังจากที่หมดประจำเดือน1วัน แล้วหลังจากนั้นประจำเดือนมาปกติแต่เดือนกรกฎาคมวันที่8กรกฎาคมหนูมีอะไรกับแฟนอีกครั้งแต่ไม่ได้ป้องกันอีก แล้วฝั่งหนูก้กินยาคุมแบบฉุกเฉินเม็ดแรกก่อน12ชัวโมงและเม็ดที่สองนับจากเม็ดแรกไปก่อน12ชั่วโมง จะท้องไหมค่ะ ตอนนี้ประจำเดือนยังไม่มา ก็1เดือน13วันได้แล้ว มีอาการเครียด หงุดหงิดงาย ปวดท้องน้อยเหมือนประจำเดือนจะมา และ กินน้อยกว่าปกติ ไม่รู้สึกหิว เจ็บหน้าอก อาการเหลานี้คือผลข้างเคียงของยาคุ้มหรือเปล่าค่ะ และตอนระหว่างสิ้นเดือนกรกฎา ลองกินยาสตรีเพ็ญภากแล้ว แต่รู้สึกเหมือนอึดอัดแถวหน้าอกค่ะ พอจะปรึกษาได้ไหมคะเกี่ยวกับอาการเหล่านี้ ทางบ้านบอกว่าถ้าเกินอีก1สัปดาห์จะซื้อที่ตรวจมาดูถ้าท้อง ฝั่งนี้จะได้เตรียมเงินและค่ารักษานะค่ะ เลยมาถามก่อนว่าอาการเหล่านี้ใช้อาการของคนท้องหรือมีสิทธิืไหมค่

อายุ: 18 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 51 กก. ส่วนสูง: 167ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.29 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

13 สิงหาคม 2557 17:57:13 #2

ในกรณีแรกที่มีเพศสัมพันธ์นั้น หากมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่ประจำเดือนหมดใหม่ คือ ในช่วงหลัง 7 วันหลังจากมีประจำเดือนวันแรก จะเป็นช่วงที่ไม่มีการตกไข่ หากมีเพศสัมพันธ์ช่วงนี้ จะไม่ทำให้ตั้งครรภ์ครับ ส่วนในครั้งหลังนั้น หากการมีเพศสัมพันธ์นั้น ไม่ได้ป้องกัน ก็มีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ครับ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮอร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้ยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ

ส่วนการทานยาในกลุ่มที่กล่าวมานั้น ซึ่งตามความเห็นของหมอแล้ว ยาที่กล่าวมานั้นมีตัวยาเป็นยาที่มีประโยชน์ครับ แต่อาจมีส่วนผสมของสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนผู้หญิง (Phytoestogen) ซึ่งการควบคุมปริมาณของสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนที่ต้องการมารักษาอาการผิดปกตินั้น ทำได้ยากมาก ไม่สามารถทำให้คงที่ แน่นอนในแต่ละครั้งที่ทาน และยังมีความแตกต่างในด้านส่วนประกอบในแต่ละชนิดยาอีกด้วย ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ เนื่องจากมีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลต่อทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ และ อาจยังทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก กะปริดกะปรอยได้อีกด้วย ดังนั้น ในความเห็นของหมอ หมอคิดว่า ไม่ควรทานยาประเภทนี้เพื่อการรักษาเรื่องประจำเดือนผิดปกตินะครับ เพราะนอกจากจะไม่รักษาที่สาเหตุแล้ว ยังอาจทำให้สับสนได้ว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่นั้น เกิดจากอะไร

ดังนั้น โดยสรุปแล้ว หมอแนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์ได้เลย ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ และ หมอขอแนะนำให้หยุดยาที่กล่าวมาก่อนนะครับ และ ลองสังเกตุอาการผิดปกติดู หากประจำเดือนมาไม่เป็นรอบ ไม่สม่ำเสมอ กะปริดกะปรอยอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ