กระดานสุขภาพ

ขอคำปรึกษาด้วยครับ
Sund*****t

28 กรกฎาคม 2557 09:42:52 #1

คือผมกังวลมากๆครับ ผมมีเพศสัมพันธ์กับแฟนโดยมีการสอดใส่อวัยวะเพศ ( ไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัยครับ ) แต่ไม่มีการหลั่งครับ แต่มีน้ำหล่อลื่นระหว่างการสอดใส่ครับ แล้วผมก้ไปทำการช่วยตัวเองเพื่อให้หลั่งออก แล้วไปล้างออกหลังจากนั้นก้ไม่ได้ทำอะไรแล้วครับ ทำแบบเหมือนกันนี้ 3 ครั้งครับ โดยครั้งแรก ทำตอน 07.00 ของวันเสาร์ ครั้งที่ สอง ช่วง 14.00 ของวันเดียวกัน แล้วก็ครั้งสุดท้ายช่วง 06.30 ของวันอาทิตย์ครับ ตอนนี้กังวลมากๆครับ บอกให้แฟนกินยาคุมฉุกเฉินเมื่อวันอาทิตย์ ตอน 21.45 ครับ อยากรบกวนสอบถามครับ 1. แฟนผมมีโอกาสท้องมั้ยครับ 2. ส่วนตัวแฟนผมเป็นคนประจำเดือนมาช้ามากครับ ครั้งล่าสุดคือ เดือนพฤศจิกายน ปีที่แล้วครับ 3. แล้วถ้าเป็นแบบนี้ควรทำยังไงถึงจะทราบได้ครับว่าจะท้องมั้ย 4. การกินยาคุมฉุกเฉิน เภสัชบอกว่า ต่อให้ ประจำเดือนมาไม่ปกติยังไง 7 วันหลังจากที่กิน ต้องมีประจำเดือนทุกคน เว้นแต่ว่าคนคนนั้นจะท้อง จริงหรือมั้ยครับ

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ ตอนนี้เครียดมากครับ

อายุ: 19 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 85 กก. ส่วนสูง: 187ซม. ดัชนีมวลกาย : 24.31 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

29 กรกฎาคม 2557 10:24:24 #2

ในช่วงที่สอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน ก็จะมีอสุจิออกมาในช่วงนี้แม้ในปริมาณที่น้อยแต่ก็อาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ ซึ่งการทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินก็พอจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ตามก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ด้ยนะครับ ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ

ส่วนในเรื่องประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือขาดหายไปนานๆนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้ นอกเหนือจากการตั้งครรภ์ ก็มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องฮอร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ ซึ่งหากประจำเดือนขาดหายไปนานหลายเดือนแบบนี้ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจประเมินหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกต้องนะครับ