ปกติแล้วในช่วงอายุที่เข้าวัยสาวใหม่ๆ อาจมีการทำงานของสมอง รังไข่ มดลูก ที่ยังประสานกันไม่ดี อาจทำให้ประจำเดือนมาไม่ตรงรอบ ไม่สม่ำเสมอได้ ครับ โดยปกติแล้วมักจะเป็นปกติได้เองหากไม่มีภาวะต่างๆรบกวนการตกของไข่ ซึ่งหากอายุ 20 ปียังมีความผิดปกติอย่างนี้อยู่นั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้ ก็มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง (polycystic ovarian syndrome) ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ

ส่วนในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์แล้วทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น ในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน จะมีตัวยาที่เป็นฮอร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ ดังนั้น เลือดที่ออกมานั้น หมอคิดว่า เป็นเลือดที่เป็นผลจากยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น

ในเรื่องของยาเม็ดคุมกำเนิดรายเดือน ไม่ควรทานในช่วงที่ไม่แน่ใจว่าจะตั้งครรภ์หรือไม่ หรือ ทานเพื่อป้องกันการตั้งครรภ์หลังการมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว หรือ เพื่อให้ประจำเดือนมาเป็นรอบ เนื่องจากจะทำให้สับสนได้ว่า เลือดที่ไม่มาหรือมาผิดปกตินั้นเกิดจากอะไร ดังนั้น หมอคิดว่า ควรตรวจการตั้งครรภ์ก่อนนะครับ และ สังเกตรอบประจำเดือนก่อน หากประจำเดือนไม่มาในอีก 1 สัปดาห์ หลังจากทานยาเม็ดคุมกำเนิดในเม็ดที่ 28 แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์นะครับ