กระดานสุขภาพ

ยาคุมฉุกเฉิน
Anonymous

30 มิถุนายน 2557 07:24:14 #1

อยากถามคุณหมอว่า เดือนเมษายนกินยาคุมฉุกเฉินไป ประจำเดือนก็มาปกติคือวันที่27 พอถึงเดือน พค กินยาคุมฉุกเฉินอีก ประจำเดือนมาเร็วกว่าปกติคือ 25 แต่เดือนนี้ประจำเดือนยังไม่มา อยากทราบว่า ยาคุมฉุกเฉินมีผลทำให้ประจำเดือนมาช้ากว่าปกติหรือไม่มาได้ไหมค่ะ เพราะถ้าปกติมา25 วันนี้ 30 แล้วประจำเดือนยังไม่มาเลยค่ะ 

อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 47 กก. ส่วนสูง: 162ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.91 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

1 กรกฎาคม 2557 16:36:54 #2

เรียน คุณ b9c5e,

โดยทางการแพทย์ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ใช้สำหรับเมื่อเกิดเหตุสุดวิสัย ที่การคุมกำเนิดปกติผิดพลาด เช่นเมื่อถุงยางอนามัยรั่ว หรือฉีกขาด หรือเมื่อถูกข่มขืน และไม่ต้องการการตั้งครรภ์ ตัวยาเป็นฮอร์โมนโปรเจสตินขนาดสูง กลไกการออกฤทธิ์ของยา คือ

  1. ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว อสุจิจะผ่านเข้าไปในมดลูกได้ยากขึ้น
  2. ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวช้าลง ลดโอกาสที่ไข่จะมาผสมกับอสุจิ
  3. ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวมาก จนตัวอ่อน (ถ้ามีการผสมของไข่กับอสุจิ) ไม่สามารถฝังตัวได้

ดังนั้นจากการออกฤทธิ์ของยา จะพบว่ามีโอกาสที่ประจำเดือนจะมาช้า หรือ ไม่มา เนื่องจากกลไกที่ 3 เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัว จึงฉีกขาดยาก อาจทำให้ประจำเดือนมาช้า ปวดท้องประจำเดือนมาก หรือเลือดประจำเดือนมามากได้ ส่วนใหญ่จะมาช้ากว่าปกติประมาณ 4-5 วัน หากคุณมั่นใจว่ารับประทานยาอย่างถูกต้อง โอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์ น้อยกว่า 1 % ครับ หรือหากเกิน 7 วันแล้วประจำเดือนไม่มา แล้วรู้สึกไม่มั่นใจ แนะนำให้ใช้อุปกรณ์ตรวจการตั้งครรภ์ครับ

ขอแนะนำเพิ่มเติมนะครับ เนื่องจากยานี้เป็นยาที่มีฮอร์โมนปริมาณสูงมาก 1500 ไมโครกรัม เทียบกับยาคุมกำเนิดปกติทั่วไป ประมาณ 50-75 ไมโครกรัม

ข้อแนะนำของบริษัทยา คือ ไม่ควรรับประทานยาเกิน 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากอาจทำให้เกิดประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ หรืออาจเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก มักพบที่ท่อนำไข่ ซึ่งหากตรวจพบล่าช้า อาจเกิดการฉีกขาด ทำให้ตกเลือดภายในช่องท้อง อาจเสียชีวิตได้ แต่จากการศึกษาวิจัย พบว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน "มากกว่า 3 ครั้ง ตลอดชีวิต" จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆสูงกว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดปกติ หรอืไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิดมาก่อน ที่พบมากคือ มะเร็งเต้านม มดลูก รังไข่ หรือมะเร็งตับ

การคุมกำเนิดที่เหมาะสมหากคุณยังไม่ได้แต่งงาน หรือแต่งงานแล้วยังไม่พร้อมจะมีบุตร แนะนำให้ใช้วิธีสวมถุงยางอนามัย ซึ่งนอกจากจะช่วยในการคุมกำเนิด ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน เริม หงอนไก่ ตับอักเสบ บีและซี หรือโชคร้าย อาจได้เอดส์แถมมา และยังช่วยลดการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นไวรัสที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากมดลูกด้วย ซึ่งในผู้ชายอาจทำให้เกิดหูด หรือหงอนไก่ และยังช่วยลดโอกาสการรับฮอร์โมนของคุณเองอีกด้วย ลูกกับโรค คุณเลือกได้นะครับ ถ้าเขารักคุณจริง ต้องช่วยกันป้องกันซึ่งกันและกันครับ
เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

  • การคุมกำเนิด (Contraception) โดย แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา (สูตินรีแพทย์)
  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กามโรค (STD: Sexually transmitted disease) โดย รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง วรลักษณ์ สมบูรณ์พร (สูตินรีแพทย์)
Anonymous

1 กรกฎาคม 2557 17:34:25 #3

ค่ะประจำเดือนมาไม่ปกติอยู่แล้วค่ะคุณหมอ แต่วันที่ 2 กค นี้ครบ1อาทิตย์ค่ะที่ประจำเดือนไม่มาถ้านับจากวันที่ 25  หนูสามารถตรวจการตั้งครรภ์จากปัสวะได้หริอยังค่ะ ละต้องตรวจกี่ครั้งค่ะถึงจะไม่ท้อง คุณหมอมีวิธีแนะนำไหมค่ะ ถ้าท้องแต่ยังไม่พร้อม คือตอนนี้เครียดมากเลยค่ะ สับสนไปหมดว่าที่ประจำเดือนไม่มา เกิดจากการทานยาคุมฉุกเฉิน 2 เดิอนติด หรือท้อง คุณหมอมีวิธีที่จะช่วยแนะนำไหมค่ะ 

Anonymous

2 กรกฎาคม 2557 09:43:38 #4

เพิ่มเติมค่ะ วันนี้เวลา 16.30 น ตรวจโดยปัสวะค่ะ ไม่ท้องค่ะ ถ้าอยากทราบผลที่ชัดเจนต้องตรวจอีกกี่ครั้งค่ะ ประจำเดือนไม่มาครบ1 อาทิตย์ละค่ะ

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

2 กรกฎาคม 2557 16:08:25 #5

เรียน คุณ b9c5e,

กรณีของคุณหากประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออยู่แล้ว ผลการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะ อาจแปลผลได้ยาก
แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ เพื่อทำการตรวจฮอร์โมนการตั้งครรภ์จากในเลือดจะมั่นใจได้มากกว่าครับ

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

Anonymous

2 กรกฎาคม 2557 19:41:10 #6

คุณหมอค่ะ ตรวจทางปัสวะได้ผลไม่แน่นอนหรอค่ะ ถ้าจะให้เห็นผลต้องรอกี่วันค่ะ 

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

3 กรกฎาคม 2557 14:59:00 #7

เรียน คุณ b9c5e,

จากข้อมูลที่คุณให้มาว่าประจำเดือนมาไม่ค่อยสม่ำเสมอ รอบเดือนไม่ตรง 28 วัน และยาคุมฉุกเฉินมักทำให้ประจำเดือนมาล่าช้ากว่าเดิม 4-5 วัน โดยทั่วไป หลักการหลังจากประจำเดือนไม่มา 1 สัปดาห์ ใช้ได้ผลกับสตรีที่มีรอบเดือนค่อนข้างสม่ำเสมอ ประมาณ 28 วัน ทุกเดือน

ดังนั้น หากต้องการตรวจทางปัสสาวะ อาจต้องตรวจซ้ำภายหลังจากนี้อีก 1 สัปดาห์ครับ ถ้าประจำเดือนยังไม่มา ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเลือด จะได้ทราบว่ามีโอกาสตั้งครรภ์หรือไม่

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

Anonymous

8 กรกฎาคม 2557 08:44:19 #8

คุณหมอค่ะ ประจำเดือนมาตั้งแต่วันที่ 5 บ่ายโมงค่ะ ปวดท้องมาก มาเยอะ แต่พอวันที่8 ประจำเดือนใม่มาละค่ะ อยากทราบว่าจะตั้งครรภ์ไหมค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

11 กรกฎาคม 2557 17:31:34 #9

หมอขอให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมในฐานะสูตินรีแพทย์ครับ

1. จากประวัติมีการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ ซึ่งจากประวัติเรื่องประจำเดือนที่มาไม่ตรงรอบหรือล่าช้านั้น เกิดจากยาคุมกำเนิดฉุกเฉินครับ

2. ในกรณีของการตรวจการตั้งครรภ์นั้น โดยปกติแล้วควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ แต่หากรอบเดือนไม่สม่ำเสมอและมีการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินติดต่อกัน จะส่งผลให้คาดเดาวันตกไข่ไม่ได้ ดังนั้น อาจตรวจในหลังจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ประมาณ 2 สัปดาห์ หากปกติ ควรตรวจซ้ำอีกใน 1 สัปดาห์ต่อมา โดยในระหว่างนี้ให้งดเพศสัมพันธ์ก่อนครับ ซึ่งหากปกติหรือขึ้นเพียงขีดเดียว ก็แปลว่า ไม่ตั้งครรภ์ครับ

3. การตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะนั้น เป็นการตรวจฮอร์โมน hCG ที่มีอยู่ในร่างกายที่ขับออกทางปัสสาวะครับ ซึ่งจะตรวจพบได้เร็วมาก คือ มีความแม่นยำสูงและไวมาก และ จะไม่ต่างกับการตรวจระดับในเลือดครับ ซึ่งการตรวจในเลือดจะมีประโยชน์ในบางกรณีเช่น ช่วยวินิฉัยภาวะตั้งครรภ์นอกมดลูก ช่วยวินิฉัยภาวะแท้งค้าง และ ประเมินการตั้งครรภ์ในการทำเด็กหลอดแก้วเป็นต้นครับ

4. ในเรื่องของเลือดที่ออกมาในช่วงนี้นั้น ก็จะเป็นเลือดที่เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกที่ลอกตัวออกมา ซึ่งจะเป็นรอบประจำเดือนปกติหรือไม่นั้น ไม่สำคัญนะครับ เรื่องที่สำคัญนั้น คือ ควรจะตรวจการตั้งครรภ์ก่อนตามที่หมอกล่าวไป และ ให้สังเกตุอาการเรื่องเลือดต่อไปครับ หากเลือดกะปริดกะปรอยมาก หรือ มาไม่เป็นรอบ ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อพิจาณนาใช้ยาช่วยปรับรอบเดือนอีกครั้งครับ

สุดท้าย หมอขอฝากเรื่องการคุมกำเนิดสักนิดนะครับ การทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินบ่อยๆนั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเนื่องจาก ผลข้างเคียงของยาแล้ว ยังมีผลทำให้การป้องกันมีประสิทธิภาพน้อยลง เลือดประจำเดือนมาไม่เป็นรอบ กะปริดกะปรอย เป็นต้นครับ ควรคุมกำเนิดด้วยวิธีที่มีประสิทธิภาพดีกว่านี้ เช่น ยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้น และก็ไม่ต้องมากังวลเรื่องตั้งครรภ์อีกด้วยครับ ด้วยความเป็นห่วงครับ

Anonymous

14 กรกฎาคม 2557 17:19:00 #10

คุณหมอค่ะ คือกินยาคุมฉุกเฉิน 2  เดือนติดกัน คือ เมษาและ พฤษภา รอบเดือนมาปกติแต่เดือนมิถุนายนรอบเดือนมาช้า10 วัน คือมาวันที่ 5-6 ก ค เยอะ วันที่ 8มานิดเดียว แล้วหายไป วันที่9 ก็มาเป็นปกติ ละประจำเดือนก็หมดไปค่ะ ตรวจการตั้งครรภ์ล่าสุดวันที่2 ไม่ท้องค่ะ พอประจำเดือนมาก็ไม่ได้ตรวจค่ะแล้วหลังประจำเดือนมาก็ไม่ได้มีเพศสัมพันอีกเลย อยากถามคุณหมอว่า ต้องตรวจอีกไหมค่ะ เพราะประจำเดือนมาแล้วหมดไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่มีเพศสัมพันเลยค่ะ คงไม่ท้องแล้วใช่ไหมค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

16 กรกฎาคม 2557 11:16:14 #11

อย่างที่หมอกล่าวไป ผลของยาที่ทานไปนั้น ส่งผลให้รอบเดือนมาไม่ตรงรอบ ซึ่งจากลักษณะเลือดที่ออกมาในเดือนมิถุนายน ซึ่งหากหลังจากที่ทานยาไปแล้วในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์อีกและตรวจการตั้งครรภ์แล้วปกติ ก็ถือว่า ไม่ตั้งครรภ์แล้วนะครับ