วันที่ 16 ที่ไม่ใส่ถุงยางอนามัย มีเพศสัมพันธุ์ ประมาณ 1-2 นาที เท่านั้นครับ จึงหลั่งภายนอกทั้งหมด

เพิ่มเติมนะครับ วันนี้ 22 แล้ว แฟนยังไม่มีประจำเดือนมาเลยครับ

เพิ่มเติมครับ : วันนี้ตรวจครรภ์ เพราะ ประจำเดือน ขาดไป 7 วัน ประมาณ 4-5 โมงเย็น ผลขึ้น ขีดเดียวครับ ตรวจตั้งครรภ์โดยใช้ อุปกรณ์ตรวจตั้งครรภ์แบบจุ่มนะครับ แต่ปัสสาวะที่ใช้ ใช้ปริมาณไม่มากเท่าไร คือต้องเอียงภาชนะที่ใส่ แต่ปลายอุปกรณ์ลงอยู่ในปัสสาวะทั้งหมดครับ ต้องตรวจใหม่มั้ยครับ

เพิ่มเติม : แฟนประจำเดือนมาปกตินะครับ แต่อาจมีเลื่อนบ้าง ประมาณ 1-2 วัน

เพิ่มเติม : ตรวจครรภ์ วันที่ 23 ตอนประมาณ 23.00 น. และ วันที่ 24 ปัสสาวะแรก ของวัน เวลา 8.30 น. ขึ้นขีดเดียวทั้ง 2 ครั้งครับ คุณหมอช่วยตอบทีนะครับ ผมกังวล

หมอขอตอบเป็นประเด็นๆ และ เป็นความรู้ด้วย ดังนี้นะครับ

1. ในช่วงที่สอดใส่อวัยวะเพศ แม้สุดท้ายจะไม่ได้หลั่งด้านใน ก็จะมีอสุจิออกมาในช่วงนี้แม้ในปริมาณที่น้อยแต่ก็อาจทำให้ตั้งครรภ์ได้ แต่หากสอดใส่เพียงเล็กน้อยเช่นนี้ โอกาสต่ำมากๆ ดังนั้น หมอคิดว่า ไม่จำเป็นต้องทานยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินนะครับ

2. หากทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์มีการใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกวิธี สวมใส่ก่อนสอดใส่อวัยวะเพศทุกครั้ง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งครรภ์ครับ ซึ่งหลักการการใช้ที่ถูกต้องนั้น เช่น ดูวันเดือนปีที่หมดอายุ เลือกขนาดให้เหมาะสม ไม่หลวมหรือแน่นเกินไป การฉีกออกจากซองควรดันให้ถุงยางไปอีกด้านหนึ่งเสียก่อน และ ไม่ใช้กรรไกรหรือของมีคมตัด ใส่ถุงยางในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัวเต็มที่ โดยบีบปลายถุงเพื่อไล่ลมออกก่อน ซึ่งการไล่ลมจะช่วยไม่ให้ถุงยางแตกและหลุดง่ายขณะทำการสอดใส่อวัยวะเพศ ไม่จำเป็นต้องใช้สารหล่อลื่น และ ไม่ควรใช้วาสลีนมาหล่อลื่น เพราะจะทำให้ถุงยางแตกได้ง่ายขึ้น และ เมื่อต้องการจะถอดถุงยางออก ควรรูดถุงยางจากส่วนโคนลงมาในช่วงที่อวัยวะเพศยังแข็งตัวอยู่ โดยอาจใช้ทิชชูพันรอบ และ ทำความสะอาดตามปกติครับ

3. การตรวจการตั้งครรภ์นั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ ซึ่งการแปลผลนั้นจะดูขีดที่สอง หรือ ขีด test นั้น ปกติหากตั้งครรภ์ จะขึ้นในเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกัน ซึ่งจะแปลผลหลังจากสัมผัสกับปัสสาวะใน 5 นาทีครับ ซึ่งจากการตรวจทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ไม่ตั้งครรภ์แน่นอนแล้วครับ

4. ในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน จะมีตัวยาที่เป็นฮอร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ ซึ่งจากประวัติที่ทานตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์นั้น หมอคิดว่าจะไม่ส่งผลมาถึงรอบเดือนช่วงนี้แล้วครับ ประจำเดือนไม่มาหรือมาไม่ตรง น่าจะเกิดจากสาเหตุอื่นๆครับ

5. ซึ่งส่วนสาเหตุที่ทำให้ประจำเดือนมาไม่ตรงรอบนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้ มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องฮอร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ

ดังนั้น จากประวัติ อาการทั้งหมด หมอคิดว่า ไม่ตั้งครรภ์นะครับ อาการต่างๆนั้น น่าจะเป็นอาการก่อนมีประจำเดือน โดยที่ประจำเดือนเลื่อนไม่ตรงรอบนั้น น่าจะเกิดจากการปรับเปลี่ยนกิจวัตรบางอย่างครับ และ หมอคิดว่า ประจำเดือนน่าจะมาเร็วๆนี้ครับ

ขอบคุณมากครับ นพ. เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล มากครับ ที่ให้ความรู้ผมเพิ่มเติม

พอดีอ่านเจอมาครับ เราควรตรวจครรภ์หลังประจำเดือนขาด 1 สัปดาห์ หรือ หลังมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้าย 15 วันกันแน่อะครับ

แบบใดให้ผลแม่นยำมากกว่ากันครับ

แฟนประจำเดือนมา วันนี้แล้วครับ ขอบคุณ คุณหมอมากนะครับ 

ซึ่งการตรวจการตั้งครรภ์นั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจหลังการมีเพศสัมพันธ์ 15 วันนั้น ก็ถือว่าพอใช้ได้ครับ ซึ่งเมื่อใช้การตรวจจากการคำนวนจากวันประจำเดือน ก็จะไม่ต่างกันครับ

และขอแสดงความยินดีครับ