กระดานสุขภาพ

ประจำเดือนมาไม่ปกติ
Indy*****z

27 พฤษภาคม 2557 15:13:55 #1

ผมมี เพศสัมพันธ์กับเเฟน เมื่อวันที่ 18เดือนเมษายนเเล้วจึงให้ทานยาคุมฉุกเฉินทันทีหลังจากนั้น ปจด ก็มาวันที่ 22เมษายน ครั้งที่เเล้วมาวันที่ 9เมษายน หลังจากนั่นก็มีเพศสัมพันธ์อีกครั้งในวันที่ 6เเละ13พฤษภาคม เเบบไม่ได้ป้องกัน(วันที่6ใส่ถุงยางอนามัยครับเเต่ไม่ได้กินยาคุม) หลังจากนั่นมาถึงวันนี้ 27พฤษภาคม ปจด ยังไม่มา เเต่เเฟนผมยังไม่มีอาการคนตั้งครรภ์ เเละทานยาสตรีเบนโลวันที่18-21 เเละวันที่25 ก็ใช้ที่ตรวจครรภ์ปรากฎว่า ไม่ท้องครับ อยากทราบว่ามีโอกาสตั้งครรภ์ไหมครับ หรือที่มาช้าเป็นเพราะเเฟนผมเครียดเรื่องงาน นอนดึก หรือผลข้างเคียงจากการทานยาคุมครับ เเละถ้าตรวจซ้ำยังไม่ตั้งครรภ์จะทานยาอะไรดีครับช่วยเรื่องให้ปจด มาเป็ยปกติ ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำตอบครับ

 

 

ปล.ผมช่วยตัวเองบ่อยพอสมควรครับ ทุกวันเลยก็ว่าได้

อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 48 กก. ส่วนสูง: 161ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.52 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Indy*****z

27 พฤษภาคม 2557 16:52:10 #2

หลั่งนอกทุกครั้งครับ เเล้วจึงทำภารกิจต่อ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

1 มิถุนายน 2557 00:33:44 #3

หมอขอให้ข้อมูลตามนี้นะครับ

1. หากเพศสัมพันธ์นั้น มีการสอดใส่อวัยวะเพศ แม้จะไม่ได้หลั่งด้านในก็สามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้ครับ ซึ่งในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน จะมีตัวยาที่เป็นฮอร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และ ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ และส่งผลต่อรอบประจำเดือนรอบต่อไปครับ

2. จากประวัติ มีการทานยาในกลุ่มที่ส่งผลต่อฮอร์โมนและรอบเดือนได้ ซึ่งตามความเห็นของหมอแล้ว ยาที่กล่าวมานั้นมีตัวยาเป็นยาที่มีประโยชน์ครับ แต่อาจมีส่วนผสมของสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนผู้หญิง (Phytoestogen) ซึ่งการควบคุมปริมาณของสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนที่ต้องการมารักษาอาการผิดปกตินั้น ทำได้ยากมาก ไม่สามารถทำให้คงที่ แน่นอนในแต่ละครั้งที่ทาน และยังมีความแตกต่างในด้านส่วนประกอบในแต่ละชนิดยาอีกด้วย ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ เนื่องจากมีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลต่อทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ และ อาจยังทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก กะปริดกะปรอยได้อีกด้วย ดังนั้น ในความเห็นของหมอ หมอคิดว่า ไม่ควรทานยาประเภทนี้เพื่อการรักษาเรื่องประจำเดือนผิดปกตินะครับ เพราะ นอกจากจะไม่รักษาที่สาเหตุแล้ว ยังอาจทำให้สับสนได้ว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นอีกนั้น เกิดจากอะไร

3. การตรวจการตั้งครรภ์นั้น ควรตรวจในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ การตรวจก่อนหน้านี้ ไม่สามารถบอกได้นะครับ

โดยสรุปแล้ว ในความคิดเห็นของหมอ หมอแนะนำให้หยุดยาที่กล่าวมาก่อนนะครับ ตรวจการตั้งครรภ์ในช่วงที่หมอกล่าวไป ลองสังเกตอาการผิดปกติดู หากประจำเดือนมาไม่เป็นรอบ ไม่สม่ำเสมอ กะปริดกะปรอยอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ สุดท้าย สิ่งที่หมอขอฝากไว้คือ การป้องกันการตั้งครรภ์นั้น ควรใช้วิธีที่ป้องกันก่อนมีเพศสัมพันธ์นะครับ เช่น ถุงยางอนามัย หรือ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน เป็นต้น การใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนั้น นอกจากประสิทธิภาพจะต่ำกว่าแล้ว ยังมีผลข้างเคียงมากกว่าอีกด้วยครับ ด้วยความหวังดีครับ