กระดานสุขภาพ

ปจด ไม่มา2เดือน แต่ตรวจไม่ท้อง
Crea*****r

23 พฤษภาคม 2557 06:22:25 #1

ปจดไม่มาเกือบสองเดือนแล้วค่ะ ปกติมาวันที่20แต่เดือนเมษาไม่มา เดือนนี้ก็ไม่มาสักที

มีตกขาวทุกวัน ปวดนมทุกวัน

ไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน หรืออาการเหมือนคนท้องเลยค่ะ

มีพสพกับแฟนล่าสุดน่าจะปลายเดือนเมษาไม่ป้องกันแต่เสร็จนอก ช่วงนั้นปจดน่าจะมาแต่ไม่มาเลยค่ะ

ซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจวันที่9ที่ผ่านมา ไม่ท้อง

แต่ทำไมปจดไม่มาสักทีอ่ะคะ TT^TT 

ปล.ดื่มยาสตรี***ไปแล้วสองขวดก็ไม่มาสักที

อยากถามคุณหมอว่ามีโอกาศท้องไหมคะ

อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 51 กก. ส่วนสูง: 168ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.07 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

23 พฤษภาคม 2557 07:21:58 #2

ถึง คุณ creammi.sdr

เพื่อความเหมาะสมในการใช้สื่อสาธารณะ ทาง Admin ขออนุญาตลบชื่อทางการค้าออกจากหน้าเว็บนะคะ และทาง Admin ได้ส่งเนื้อหาทั้งหมดของคำถามให้ทางคุณหมอเรียบร้อยแล้วนะคะ ดังนั้น คุณ creammi.sdr ยังสามารถติดตามคำตอบของคุณหมอได้เช่นเดิมค่ะ

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

23 พฤษภาคม 2557 12:00:19 #3

ในเรื่องแรก ประจำเดือนที่ผิดปกตินั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้ นอกเหนือจากการตั้งครรภ์ ก็มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องฮอร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ ซึ่งหากตรวจการตั้งครรภ์ในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ถือว่าผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ หากผลเป็นเพียงขีดเดียว ก็ถือว่า ไม่ตั้งครรภ์ครับ

แต่จากประวัตินั้น มีการทานยาที่อาจมีผลได้ ซึ่งการทานยาในกลุ่มที่กล่าวมานั้น ซึ่งตามความเห็นของหมอแล้ว ยาที่กล่าวมานั้นมีตัวยาเป็นยาที่มีประโยชน์ครับ แต่อาจมีส่วนผสมของสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนผู้หญิง (Phytoestogen) ซึ่งการควบคุมปริมาณของสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนที่ต้องการมารักษาอาการผิดปกตินั้น ทำได้ยากมาก ไม่สามารถทำให้คงที่ แน่นอนในแต่ละครั้งที่ทาน และยังมีความแตกต่างในด้านส่วนประกอบในแต่ละชนิดยาอีกด้วย ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ เนื่องจากมีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลต่อทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ และ อาจยังทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก กะปริดกะปรอยได้อีกด้วย ดังนั้น ในความเห็นของหมอ หมอคิดว่า ไม่ควรทานยาประเภทนี้เพื่อการรักษาเรื่องประจำเดือนผิดปกตินะครับ เพราะ นอกจากจะไม่รักษาที่สาเหตุแล้ว ยังอาจทำให้สับสนได้ว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากอะไรอีกด้วย

ส่วนในเรื่องตกขาวนั้น หากตกขาวลักษณะดังกล่าวนั้น มีลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิร์ตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

สรุป สุดท้าย หมอคิดว่า ไม่ตั้งครรภ์นะครับ ควรหยุดยา สังเกตเรื่องตกขาว ประจำเดือน หากผิดปกติ กะปริดกะปรอยมาก หรือไม่มาใน 1-2 สัปดาห์นี้ ควรมาพบสูตินรีแพทย์นะครับ