กระดานสุขภาพ

ช่วยตอบให้หน่อย นะค่ะ กลัวท้อง กังวลมากเลย ค่ะ
Math*****1

18 พฤษภาคม 2557 15:42:58 #1

พอดีว่า หนูมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหนู วันที่ 7 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ตอนตี4.30น.แฟนของหนูเอาหลั่งในด้วยค่ะ  พอเช้าตรู่ หนูก็เลยออกไปซื้อยาคุมฉุกเฉินมากิน เวลา 14.30น. หนูกินยาคุมฉุกเฉินไป 11 วัน แล้วค่ะ ประจำเดือนของหนูยังไม่มาเลยค่ะ หนูเลยลองไปซื้อยา สตรี***มากิน กินไป2ขวดแล้ว ปรจำเดือนของหนูยังไม่มาเลยค่ะ หนูกังวลใจมากเลยค่ะ หนูกลัวว่า หนูจะท้อง  คุณหมอค่ะ หนูจะท้องไหมค่ะ ? 

อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 24.97 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

20 พฤษภาคม 2557 17:13:25 #2

ในยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน จะมีตัวยาที่เป็นฮฮร์โมน ซึ่งมีกลไกการป้องกันการตั้งครรภ์ต่างๆ ทำให้ยับยั้งการตกไข่ ผลทำให้ไม่มีการตกไข่ หรือ ตกช้าออกไป ทำให้ประจำเดือนรอบนั้น อาจเลื่อนออกไป หรือ กะปริดกะปรอยได้ และมีผลทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่พร้อมในการฝังตัว อาจส่งผลให้มีเลือดออกมาจากช่องคลอดได้หลังทาน 3-7 วันครับ แต่เลือดที่อาจออกมานี้อาจมีหรือไม่มีก็ได้นะครับ และ การที่มีหรือไม่ก็ไม่ได้แสดงถึงประสิทธิภาพว่าจะป้องกันได้หรือไม่ หรือ เป็นอาการแสดงการตั้งครรภ์แต่อย่างใดครับ ซึ่งปกติแล้ว ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันได้ประมาณ 90% ครับ ขึ้นกับช่วงวันที่มีเพศสัมพันธ์ด้วยครับ

ส่วนในเรื่องของประจำเดือนที่ยังไม่มานั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้ นอกเหนือจากการตั้งครรภ์ ก็มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ ซึ่งหากตรวจการตั้งครรภ์ในช่วงที่ประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ ถือว่าผลที่ได้จะน่าเชื่อถือครับ หากผลเป็นเพียงขีดเดียว ก็ถือว่า ไม่ตั้งครรภ์ครับ

ซึ่งจากประวัตินั้น หมอคิดว่า มีผลจากยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินส่วนหนึ่งอย่างแน่นอน และอีกปัจจัยหนึ่งคือ ยาขับเลือดที่ทานไปครับ ซึ่งการทานยาในกลุ่มที่กล่าวมานั้น ซึ่งตามความเห็นของหมอแล้ว ยาที่กล่าวมานั้นมีตัวยาเป็นยาที่มีประโยชน์ครับ แต่อาจมีส่วนผสมของสารที่ออกฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนผู้หญิง (Phytoestogen) ซึ่งการควบคุมปริมาณของสารที่ออกฤทธ์ิคล้ายฮอร์โมนที่ต้องการมารักษาอาการผิดปกตินั้น ทำได้ยากมาก ไม่สามารถทำให้คงที่ แน่นอนในแต่ละครั้งที่ทาน และยังมีความแตกต่างในด้านส่วนประกอบในแต่ละชนิดยาอีกด้วย ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ เนื่องจากมีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลต่อทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ และ อาจยังทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก กะปริดกะปรอยได้อีกด้วย ดังนั้น ในความเห็นของหมอ หมอคิดว่า ไม่ควรทานยาประเภทนี้เพื่อการรักษาเรื่องประจำเดือนผิดปกตินะครับ เพราะ นอกจากจะไม่รักษาที่สาเหตุแล้ว ยังอาจทำให้สับสนได้ว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากอะไร

ดังนั้น ในความคิดเห็นของหมอ หมอแนะนำดังนี้ครับ

  1. ให้หยุดยาที่กล่าวมาก่อนนะครับ
  2. ลองสังเกตุอาการผิดปกติดู หากประจำเดือนมาไม่เป็นรอบ ไม่สม่ำเสมอ กะปริดกะปรอยอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ
  3. หากประจำเดือนไม่มาหรือขาดหายไปประมาณ 1 สัปดาห์ จากวันที่คาดว่าประจำเดือนควรจะมา ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะด้วยนะครับ