1. ในกรณีที่ไม่มีประวัติเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่น ไม่เที่ยวผู้หญิง หรือเที่ยวแต่ใช้ถุงยางทุกครั้ง หรือมีคู่นอนคนเดียวและคู่นอนก็ไม่มีความเสี่ยง ก็อาจเกิดจากการอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียทั่วไป ให้กินยาแก้อีกเสบ เช่น diclixacillin 500 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้งก่อนอาหารและก่อนนอน หรืออาจเกิดจากการแพ้ยา เช่นยาแ้ไข้ ยาแก้อักเสบ ซึ่งจะพอง เป็นตุ่มน้ำ แล้วแตกเป็นแผล ลองสังเกตุว่าก่อนเป็นแผล มีกินยาหรือไม่ และถ้าเคยเป็น ก็อาจเกิดจากการแพ้ยา แต่ถ้ามีประวัติเสี่ยง เช่นไม่ใช้ถุงยาง มีคู่นอนหลายคน อาจต้องนึกถึงโรคติดต่อ ที่พบบ่อย คือเริม ซึ่งถ้าเป็นเริม รอยโรคจะเริ่มด้วยการเป็นตุ่มแดง แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ ภายใน 1-2 วัน ตุ่มน้ำจะแตกออกกลายเป็นแผลตื้นๆ เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อเริม ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่เรียกว่า เฮอร์ปีส์ (Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรงและหายเองได้

2. เช่นเดียวกับข้อ 1 ถ้าไม่มีความเสี่ยง คงเกิดจากการเสียดสี ให้ทำความสะอาดกินยาแก้อักเสบ แต่ถ้ามีความเสี่ยงหรือมีประวัติเป็นเริม ก็อาจเป็นเริม

สรุป ถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอผิวหนังหรือส่งรูปถ่ายชัดๆพร้อมให้ประวัติทางเพศเพิ่มเติม

นพ. อนุพงศ์