กระดานสุขภาพ
มีข้อสงสัยค่ะ | |
---|---|
9 มีนาคม 2557 19:00:31 #1 1. เลือดล้างหน้าเด็ก มีนานสุดกี่วันค่ะ มี 2-3 วัน ได้ไหมค่ะ หรือมีวันเดียว นิดเดียวและหายไป แล้วมีเลือดประจำทุกเดือนไหมค่ะ ประจำเดือนไม่มาหรือขาด ถือว่าท้องใช่ไหมค่ะ 2. คนท้องสามารถมีประจำเดือนได้ไหมค่ะ สำหรับบางคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองท้องเเละมีสุขภาพร่างกายที่เเข็งเเรงไม่ผิดปกติอะไร รู้ตัวอีกทีก็ท้องแล้ว 3. *** กินตอนที่ประจำเดือนจะมาเเต่ก็ไม่มาค่ะ ใช่ไหมค่ะ |
|
อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 154ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.97 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
Haamor Admin(Admin) |
10 มีนาคม 2557 12:18:28 #2 ถึง คุณ cda96 เพื่อความเหมาะสมในการใช้สื่อสาธารณะ ทาง Admin ขออนุญาตลบชื่อทางการค้าออกจากหน้าเว็บนะคะ และทาง Admin ได้ส่งเนื้อหาทั้งหมดของคำถามให้ทางคุณหมอเรียบร้อยแล้วนะคะ ดังนั้น คุณ cda96 ยังสามารถติดตามคำตอบของคุณหมอได้เช่นเดิมคะ |
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล(สูติ-นรีแพทย์) |
11 มีนาคม 2557 13:17:17 #3 หมอขอตอบเป็นประเด็นต่างๆ ดังนี้ครับ 1. คำว่า เลือดล้างหน้าเด็กนั้น (Implantation bleeding) ในทางการแพทย์คือ เลือดที่ออกจากการฝังตัวของตัวอ่อนที่เกิดจากการปฎิสนธิของอสุจิและไข่ บริเวณเยื่อบุโพรงมดลูก ในช่วงหลังตกไข่ประมาณ 1 สัปดาห์ หรือ หลังประจำเดือนรอบสุดท้ายประมาณ 3 สัปดาห์ ซึ่งจะเป็นเลือดออกจางๆ ปริมาณเล็กน้อย อาจเกิดขึ้นได้ ไม่ผิดปกติอะไรครับ แต่ปัญหาอาจทำให้สับสนว่า เป็นเลือดประจำเดือนที่มาผิดปกติหรือไม่ ซึ่งการแยกอาจดูจากลักษณเลือดออก หรือ อาจตรวจปัสสวะในช่วงวันที่ประจำเดือนขาดไปประมาณข่วง 4 สัปดาห์หลังประจำเดือนรอบสุดท้าย หากเป็นผลบวกหรือตั้งครรภ์ ก็ถือว่าเป็น เลือดล้างหน้าเด็กครับ 2. ปกติแล้ว ในช่วงตั้งครรภ์จะไม่มีประจำเดือนนะครับ หากมีเลือดออกทางช่องคลอด ถือว่า เป็นความผิดปกติที่เรียกว่า ภาวะแท้งนะครับ 3. การที่ประจำเดือนเลื่อนออกหรือขาดหายไป อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆนอกเหนือจากการตั้งครรภ์ก็ได้นะครับ เช่น ในช่วงอายุนี้ มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้นครับ 4. ยาสตรีต่างๆที่กล่าวมานั้นมีตัวยาเป็นยาที่มีประโยชน์ครับ แต่การควบคุมปริมาณของสารที่ออกฤทธ์ิคล้ายฮอร์โมนที่ต้องการมารักษาอาการผิดปกตินั้น ทำได้ยากมาก ไม่สามารถทำให้คงที่ แน่นอนในแต่ละครั้งที่ทาน และยังมีความแตกต่างในด้านส่วนประกอบในแต่ละชนิดยาอีกด้วย ดังนั้น การที่จะนำมาเพื่อการรักษาอาการเลือดประจำเดือนผิดปกติ หรือ มาใช้เพื่อควบคุมปรับรอบประจำเดือนนั้น ยังอาจนำมาใช้ค่อนข้างยากลำบากครับ เนื่องจากมีผลต่อการตกไข่ ทำให้ไม่มีการตกไข่ ซึ่งมีผลต่อทำให้ไม่มีประจำเดือน หรือ ประจำเดือนเลื่อนออกไปได้ครับ และ อาจยังทำให้เลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้ อาจมาปริมาณมาก กะปริดกะปรอยได้อีกด้วย ดังนั้น ในความเห็นของหมอ หมอคิดว่า ไม่ควรทานยาประเภทนี้นะครับ เพราะ นอกจากจะไม่รักษาที่สาเหตุแล้ว ยังอาจทำให้สับสนได้ว่าความผิดปกติที่เกิดขึ้นใหม่นั้น เกิดจากอะไร |
Anonymous |
14 มีนาคม 2557 11:32:53 #4 และกินยาอะไรที่ช่วยให้ประจำเดือนมาปกติบ้างค่ะ |
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล(สูติ-นรีแพทย์) |
24 มีนาคม 2557 16:18:42 #5 การที่จะใช้ยาหรือให้การรักษาอะไรนั้น อาจต้องทราบสาเหตุของภาวะที่เป็นก่อนครับ ดังนั้น หมอแนะนำให้มาตรวจเพื่อทราบสาเหตุก่อนครับ |
Anonymous