กระดานสุขภาพ

ถามเกี่ยวกับยาคุมกำเนิดครับ
Benz*****a

8 มีนาคม 2557 17:11:44 #1

แฟนผมเริ่มทานยาคุม oilezz แบบ 22เม็ด มาแล้ว 1แผงครับ ช่วงเว้น 6วัน ก็มีประจำเดือนมาปกติ ตอนนี้แฟนผมกำลังจะเริ่มทานแผงใหม่  .....ผมอยากทราบว่า เม็ดแรกของแผงที่สองสามารถคุมกำเนิดได้เลยไหมครับ แล้วสามารถมีเพศสัมพันโดยไม่ใส่ถุงยางได้เลยไหมครับ หรือว่าต้องทานไประยะนึงก่อน..... (แฟนผมทานตรงเวลา ทุกวัน ไม่ลืมครับ) 

ขอบคุณครับ 

อายุ: 19 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.30 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

10 มีนาคม 2557 02:31:50 #2

เรียน คุณ benz.jaa,
ถ้ารับประทานยาแผงต่อไปเม็ดแรกในวันแรกที่มีประจำเดือน ครบ 24 ชั่วโมง ยาก็จะออกฤทธิ์ในการยับยั้งไม่ให้ไข่ตกได้เลยครับ เงื่อนไขคือต้องรับประทานยาอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ ไม่ซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆมาใช้เอง โดยที่ไม่ได้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนครับ

หากแฟนคุณอายุยังน้อย และยังไม่ได้วางแผนจะแต่งงาน แนะนำให้ใช้วิธีสวมถุงยางอนามัยก่อนจะดีกว่าครับ เนื่องจากจะได้ช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อไวรัสมะเร็งปากมดลูกได้อีกส่วนหนึ่งครับ
แต่ถ้าไม่สะดวก ก็รับประทานยาคุมกำเนิดต่อไปตามปกติครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

Benz*****a

10 มีนาคม 2557 03:59:56 #3

คือแฟนผมประจำเดือนหมดศุกอ่ะคับ แล้วทานยาเม็ดแรกของแผงใหม่วันอาทิตย์ 

Benz*****a

10 มีนาคม 2557 06:28:00 #4

ขอถามอีกอย่างนึงนะครับหมอ ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือน มีผลต่อการเกิดมะเร็งมากน้อยแค่ไหนครับ 

......ขอบคุณครับ 

Benz*****a

10 มีนาคม 2557 14:24:56 #5

ดัน ๆ รอหมอมาตอบ
................ขอบคุณคับ

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

11 มีนาคม 2557 03:48:28 #6

เรียน คุณ benz.jaa,

การรับประทานยาคุมกำเนิดชนิด 22+6 ที่ถูกต้องคือ เมื่อยาครบ 22 เม็ดแล้ว ก็รับประทานยาที่เป็นวิตามินไปจนครบ 6 วัน จากนั้นไม่ว่าประจำเดือนจะมาหรือไม่ จะหยุดหรือยังไม่หยุด จะมาปริมาณมากหรือน้อย ไม่ต้องสนใจ เริ่มแผงใหม่วันต่อจากเม็ดวิตามินเม็ดสุดท้ายได้เลย ตัวยาที่เป็นฮอร์โมนก็จะออกฤทธิ์ยับยั้งไม่ให้มีไข่ตกอย่างต่อเนื่องไปได้พอดี
เช่น หากแฟนคุณมีรอบประจำเดือนสม่ำเสมอ ยาหมดแผงวันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2557 จากนั้นกว่าประจำเดือนจะมา วันที่ 4 มีนาคม และมาหมดวันศุกร์ที่ 7 มีนาคม เม็ดวิตามินครบ 6 เม็ดพอดี

สามารถเริ่มยาแผงใหม่ได้เลยในคืนวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2557 ดังนั้น ไม่เกี่ยวกับประจำเดือนหมดวันศุกร์หรือวันใดก็ตาม ให้ยึดถือตามหลักการที่ยกตัวอย่างให้นะครับ

ส่วนคำถามที่ว่ามีผลต่อการเกิดมะเร็ง ต้องแยกเป็น 2 ประการนะครับ คือ

1. จากการรับประทานยาคุมกำเนิด เท่าที่มีการเก็บข้อมูลมา ถ้าแพทย์ตรวจร่างกายแล้ว ไม่มีข้อห้ามใช้ เช่น มีโรคหัวใจและหลอดเลือด ไมเกรนรุนแรงที่ไม่สามารถควบคุมอาการได้ เส้นเลือดอุดตันที่ขา มีก้อนที่เต้านม หรือไม่มีโรคประจำตัว นับว่าค่อนข้างปลอดภัยนะครับ เนื่องจากปริมาณฮอร์โมนค่อนข้างน้อย และมีการศึกษาพบว่าสามารถใช้ได้ยาวนานถึง 12 ปี โดยโอกาสในการเกิดมะเร็ง ไม่แตกต่างกันในผู้ที่รับประทานยาคุมกำเนิดชนิดรับประทานกับสตรีที่ไม่เคยรับประทานยาคุมกำเนิด ยกเว้นสตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน มากเกินกว่า 3 ครั้งตลอดชีวิต พบว่าความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งเต้านม มดลูก หรือรังไข่ สูงกว่าสตรีที่รับประทานยาคุมกำเนิดปกติ หรือไม่เคยคุมกำเนิดมากกว่าหลายเท่าครับ

2. การได้รับไวรัสที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากมดลูก (Human Papilloma Virus : HPV) ซึ่งได้รับจากการมีเพศสัมพันธ์ โดยพบว่าในสตรีที่มีเพศสัมพันธ์ในช่วงอายุน้อย จะมีโอกาสได้รับไวรัสนี้จากอวัยวะเพศชาย ซึ่งไวรัสนี้ในเพศชายอาจไม่ทำให้เกิดอาการผิดปกติ แต่ในเพศหญิง อาจกระตุ้นให้มีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติไปได้ โดยเฉพาะบริเวณปากมดลูก

ในปัจจุบันนี้มีวัคซีนป้องกันไวรัส HPV โดยจะยิ่งได้ผลดี หากให้ในช่วงอายุน้อย และยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ สามารถปรึกษาแพทย์เพื่อขอรับวัคซีนได้ หรืออาจใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัย ก็จะลดการถ่ายเทไวรัสจากอวัยวะเพศชาย ไปที่ปากมดลูกได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยเรื่องการคุมกำเนิดได้อีกด้วย

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

Benz*****a

12 มีนาคม 2557 07:13:01 #7

ขอขอบคุณคุณหมอมากครับ ได้ความรู้เยอะเลย