กระดานสุขภาพ

เป็นเม็ดใสๆที่บริเวณอวัยวะเพศและคันครับ
Swee*****m

11 กุมภาพันธ์ 2557 16:31:55 #1

สวัสดีครับหมอครับคือเมื่อวานนี้ผมเริ่มมีอาการคันบริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศด้านในครับ วันนี้ก็ยังมีอาการคันเช่นเดิม แต่วันนี้เพิ่งสังเกตุเห็นมีเม็ดเป็นตุ่มน้ำขึ้นบริเวณหนังอวัยเพศครับ และมีอาการคันด้วย พอไปเกาโดนตุ่มน้ำจะแตกครับ เป็นแผลเล็กๆ  ส่วนแฟนผมประจำเดือนเพิ่งหมดไปประมาณ1อาทิตย์ ตอนนี้มีอาการตกขาวครับเพิ่งเป็นวันนี้ และมีอาการกระเพาะปัสวะอักเสบด้วยประมาณ3วันครับ  ไม่ทราบว่าเป็นอะไรครับ และการรักษาของผมและแฟนได้อย่างไรบ้างครับ ขอบคุณครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/sweetdream-10121-1.jpg

อายุ: 26 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 56 กก. ส่วนสูง: 180ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.28 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Swee*****m

11 กุมภาพันธ์ 2557 16:48:21 #2

ขอเพิ่มเติมรูปของแฟนนะครับ ไม่ทราบว่าตรงขาวๆนั้นคืออะไรครับ ใช่ตกขาวไหมครับ

http://image.ohozaa.com/i/f18/ioavm5.jpg

Haamor Admin

(Admin)

12 กุมภาพันธ์ 2557 09:25:31 #3

เรียน คุณ sweetdream

ลิ้งค์ของรูปภาพที่ คุณ sweetdream โพสไว้ (เรื่องตกขาว) ไม่สามารถดูรูปได้คะ รบกวนโพสลิ้งค์ใหม่อีกครั้งนะคะ

Swee*****m

12 กุมภาพันธ์ 2557 09:36:44 #4

ตกขาวมีลักษณะเป็นสีขาวเป็นก้อนครับ ไม่มีกลิ่น

ตอนนี้ไปซื้อยามาทานเอง ร้านขายยาจ่ายยาที่มี ยา คีโตโคนาโซล ให้ ปรากฏว่าวันนี้แฟนอาเจียนครับ

 

ส่วนผมเม็ดน้ำใสๆมันแตกครับ แสบๆเจ็บๆ คันๆ ไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไรครับ มันจะลามไหม แล้วไปพบหมอสามารถพบหมอตรวจโรคทั่วไปได้รึไม่ครับ หรือถ้าซ์้อยาเอง ต้องเป็นยาอะไรบ้างครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

12 กุมภาพันธ์ 2557 10:54:07 #5

ดูจากรูปน่าจะเป็นเริม เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจาการติดต่อทางเพศสัมพันธ์จากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 5 -10 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรงและหายเอง ในกรณีของคุณน่าจะเคยเป็นมาก่อน ที่เป็นครั้งนี้เป็นการเป็นซ้ำ ส่วนแฟน ถ้ามีอาการตกขาว แนะนำว่าให้ตรวจภายใน และดูว่ามีแผลที่อวัยวะเพศหรือไม่ ถ้ามีและมีอาการคล้ายคุณก็อาจเป็นเริม สำหรับเรื่องกระเพาะปัสสาวะอักเสบต้องตรวจปัสสาวะด้วยกล้องจุลทรรศน์ จึงจะบอกได้ว่าเป็นหรือไม่

โดยสรุป ถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอครับ

 

นพ. อนุพงศ์

Swee*****m

13 กุมภาพันธ์ 2557 04:26:56 #6

ขอบคุณคุณหมอครับ ผมมีข้อสงสัยต่อครับ

1.ตัวผมเองยังไม่เคยมีอาการนี้มาก่อนเลยครับ แสดงว่าครั้งแรกอาจเป็นแต่ไม่ออกอาการใดๆ เป็นแบบนี้ได้หรือไม่ครับ

2.หลังจากที่แผลหายตกสะเก็ดหมดแล้ว ผมสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้กับแฟนผมปรกติโดยที่ผมจะไม่ทำให้เธอติดหรือเปล่าครับ จะติดต่อกันเฉพาะตอนเป็นตุ่มน้ำหรือป่าวครับ

3.ถ้าผมเป็น หรือแฟนผมเป็น ในกรณ๊ถ้าในอนาคตมีบุตร จะส่งผลอย่างไรไหมครับ เห็นแฟนบอกว่าถ้าเป็นไวรัส จะมีผลกระทบต่อ DNA ส่งต่อไปอย่างลูก อันนี้จริงหรือไม่ครับ

4.ถ้าเกิดกรณีต้องมีการปลูกถ่ายหรือต้องใช้ไขสันหลัง ให้ผู้อื่น จะได้หรือไม่ แล้วผู้อื่นจะติดไหมครับ

 

ขอบคุณหมอมากๆครับ 

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

13 กุมภาพันธ์ 2557 05:15:53 #7

หมอขอให้ความคิดเห็นในส่วนของ ลักษระประจำเดือนและตกขาวที่ผิดปกติของฝ่ายผู้หญิงนะครับ อาการที่มีตกขาวออกมาเป็นก้อนขาว หากที่มีลักษณะคล้ายกาว หรือ นมโยเกิต หรือ แป้ง นั้น ส่วนใหญ่แล้ว เป็นลักษณะของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และ มักจะมีอาการคันร่วมด้วย แต่หากยังไม่มีอาการอะไร อาจเป็นการติดเชื้อแรกๆได้ ซึ่งการรักษา จะต้องรักษาด้วยการใช้ยาเหน็บช่องคลอด อาจใช้ยาที่ชื่อสามัญว่า clotrimazole ซึ่งเป็นยาเหน็บทางช่องคลอดครับ ระหว่างนี้ งดเพศสัมพันธ์ รักษาความสะอาด หลีกเลียงความอับชื้น ไม่สวนล้างช่องคลอด เป็นต้นครับ ส่วนปริมาณ การใช้ยา และ วิธีการสอดยา อาจลองปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาได้ครับ ซึ่งจากยาที่ได้กล่าวมานั้น เป็นยาที่รักษาเชื่อราชนิดทาน แต่มักจะใช้ในเชื่อราบริเวณอื่นๆ และ ได้ผลเฉพาะที่ได้น้อยกว่าการเหน็บยาด้วยยาที่หมอกล่าวไป และ ยานี้จะมีผลให้คลื่นไส้ได้ครับ ส่วนอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบนั้น อาจพบเจอร่วมกับการติดเชื้อในช่องคลอดได้ครับ ดังนั้น โดยรวมแล้วควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยที่ชัดเจน และจะได้รับการรักษาที่ถูกต้อง เพราะที่หมอกล่าวไป เป็นเพียงการคาดเดาจากอาการเท่านั้นครับ

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

13 กุมภาพันธ์ 2557 14:13:41 #8

  1. เป็นไปได้ว่าเคยรับเชื้อมาแต่ยังไม่ปรากฏอาการ พอมีการรับเชื้อซ้ำหรือร่างกายอ่อนแอ ก็เริ่มมีแผล
  2. ส่วนใหญ่จะติดต่อกันขณะที่เป็นตุ่มน้ำ หรือแผลยังมีน้ำเหลอืง ยังไม่หายสนิม แนะนำว่าควรรอให้แผลหายสนิทก่อนครับ อย่างไรก็ตามมีการศึกษาพบว่า มีบางกรณีที่ไม่มีแผล แต่สามารถตรวจพบเชื้อไวรัสได้ จึงอาจติดต่อได้แม้ในขณะที่ไม่มีอาการ
  3. ไม่ติดต่อทางพันธุกรรม แต่ถ้าแม่เป็นขณะที่กำลังจะคลอด ถ้าเด็กทารกสัมผัสแผลขณะคลอดผ่านช่องคลอด ก็ติดเชื้อได้ ในกรณีที่เป็นแผลตอนใกล้คลอด อาจพิจารณาผ่าเด็กออกเพื่อป้องกันการสัมผัสเชื้อทางช่องคลอด
  4. ไม่น่าจะเป็นข้อห้ามครับ

นพ. อนุพงศ์

Swee*****m

15 กุมภาพันธ์ 2557 14:06:40 #9

ขอบคุณ คุณหมอครับ ตอนนี้ทานยาได้3วันแล้วครับ