กระดานสุขภาพ

ขอถามเรื่องยาคุมค่ะ คือตอนนี้กลัวท้องค่ะ
Moon*****i

16 พฤษภาคม 2556 03:43:30 #1

รบกวนคุณหมอหน่อยนะคะ คือว่าหนูรับประทานยาคุมแบบ 21 เม็ด แล้วก็หยุด 7 วันเพื่อให้ประจำเดือนมา ขณะในช่วงที่หยุดให้ประจำเดือนมาในวันที่ 3 แล้วมีเพศสัมพันธ์กับแฟนโดยเผลอหลั่งในค่ะ หนูมีโอกาสท้องไหมคะ คือกังวลมากค่ะ เพราะตอนนี้ถ้านับจากกินยาครบ 21เม็ดก็เป็นวันที่ 4ที่ประจำเดือนควรจะมา แต่ประจำเดือนหนูยังไม่ค่ะ (ปกติถ้าหยุด 7วันให้ประจำเดือนมา จะมาประมาณวันที่ 4นี่แหละค่ะ) หนูมีประวัติประจำเดือนมาไม่สมำ่เสมอมาเดือน เว้นไป 2-3เดือน ไปปรึกษาเแพทย์ แพทย์ให้ทานยุมปรับประจำเดือนค่ะ หนูทานมาติดต่อกัน 4เดือนแล้วก็หยุดไปสองเดือน(เพราะไม่อยากทานติดต่อหลายแผงอ่ะค่ะ) แล้วเดือนเมษาวันที่ 22 หนูก็เริ่มรับประทานยาคุมตัวเดิมอีก  ก็คือแผงล่าสุดนี้อ่ะค่ะ

สรุปคำถามดีกว่านะคะ

1.ช่วงที่เราหยุด 7 วันเพื่อให้ประจำเดือนมา ถ้าเรามีอะไรกับแฟนในวันที่ 3 แล้วหลั่งใน (ไม่ได้ใส่ถุงยาง) จะท้องไหมคะ 

2.หนูควรจะทำอย่างไรต่อไปดีคะ

ขอขอบคุณคุณหมอล่วงหน้าค่ะ

อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 44 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.31 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

16 พฤษภาคม 2556 17:01:21 #2

เรียน คุณ moonoi,

ขออนุญาตทบทวนสิ่งที่คุณให้ข้อมูลมานะครับ เพื่อจะได้ว่าเราเข้าใจตรงกัน

  1. คุณเริ่มกินแผงนี้เป็นแผงใหม่ หลังจากหยุดยามาแล้วสองเดือน โดยเริ่มรับประทานวันที่ 22 เมษายน 56 เป็นเม็ดแรก ซึ่งยาจะหมดในวันที่ 12 พ.ค. 2556 ช่วงวันที่ 13-19 พ.ค. จะต้องเป็นช่วงที่ควรมีประจำเดือนมา และต้องเริ่มต้นรับประทานยาคุมแผงที่ 2 ในวันที่ 20 พ.ค. 2556
  2. คุณมีประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ซึ่งแพทย์ให้ทำการปรับรอบประจำเดือน โดยการรับประทานยาคุมกำเนิด โดยมีวัตถุประสงค์ทั้งคุมกำเนิดและปรับประจำเดือน

หากที่ผมสรุปมาทั้งหมดถูกต้อง ตรงกับสิ่งที่คุณบรรยายมา ดังนั้น
คำตอบของคำถามคุณ คือ

  1. การออกฤทธฺิ์ของยาคุมกำเนิดคือ ถ้ารับประทานยาเม็ดแรกถูกต้อง คือเริ่มในวันแรกของการมีประจำเดือน ฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดจะออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่ได้ทันที เมื่อหมดยาในวันที่ 21 จะเป็นช่วงที่มีประจำเดือน แต่ไม่ได้เกิดจากการตกไข่ เป็นการหลุดลอกของเยื่อบุผนังมดลูก ช่วง 7 วันนี้ จะยังไม่มีการเจริญเติบโตของไข่ ดังนั้น โอกาสท้องของคุณนับว่าน้อยมาก ๆ ซึ่งอาจจะมีประจำเดือนมาหรือไม่ก็ได้ อาจจะหยุดหรือไม่ก็ได้
  2. สิ่งที่คุณควรทำคือ หากต้องการคุมกำเนิดพร้อมทั้งมีการปรับรอบประจำเดือน ให้สม่ำเสมอ คือคุณต้องรับประทานยาคุมให้สม่ำเสมอ อย่างน้อย 6 เดือน ติดต่อกัน ซึ่งคุณเว้นไปแล้วสองเดือน แผงต่อไป ก็เริ่มในวันที่ 20 พ.ค. 56 นี้ได้เลยครับ และรับประทานยาให้สม่ำเสมอ ภายในช่วงเวลาเดียวกันของทุกวัน +/- ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันระดับฮอร์โมนในเลือดไม่สม่ำเสมอ จนอาจมีเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างเดือนได้ครับ

เมื่อรับประทานยาคุมกำเนิดติดต่อทุกเดือนเป็นเวลา 6 เดือนแล้ว ควรปรึกษาแพทย์ว่าจำเป็นต้องรับประทานเพื่อปรับรอบเดือนอีกหรือไม่ ยกเว้นว่าคุณต้องการคุมกำเนิดต่อ

สามารถอ่านบทความดีๆจากกองบรรณาธิการของเราได้ที่

ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)
แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
http://haamor.com/th/ยาเม็ดคุมกำเนิด

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

Moon*****i

16 พฤษภาคม 2556 19:03:01 #3

ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ นะคะ ตอนนี้ประจำเดือนมาแล้ว สบายใจแล้วค่ะ ^^

ที่ทานยาคุมนี่ จุดประสงค์หลักต้องการปรับประจำเดือนมากกว่าค่ะ

ขออธิบายโรคที่เป็นอยู่เพิ่มเติมนะคะ คือว่าประมาณเดือนตุลาปีที่แล้ว หนูไปพบแพทย์ด้วยเรื่องประจำเดือนไม่สม่ำเสมอมาประมาณเกือบ10ปี แต่แพทย์เค้าไม่ได้บอกว่าหนูเป็นอะไร หรือเกิดจากสาเหตุอะไร บอกแค่ว่าหนูประจำเดือนมาไม่สมำ่เสมอ (เหลือบไปเห็นข้อมูลตัวเอง Dx. DUB) ซึ่งก็ไม่ได้ตรวจเลือด ไม่ได้Ultra sound ซักประวัติอย่างเดียว แล้วก็แนะนำให้รับประทานยาคุมกำเนิด ซึ่งก็เข้าใจว่าต้องรับประทานตลอด แต่ด้วยความที่กลัวอันตรายจากยาคุมกำเนิด ก็เลยเว้นช่วงไปสองเดือน จากนั้นปจด.ก็ไม่มาเหมือนเดิม หนูก็เลยเริ่มรับประทานแผงใหม่ไปเลย (คือว่ารอให้ปจด.มามันก็ไม่มาสักที) แล้วหลังจากนั้นแพทย์ก็ไม่ได้นัด follow up อะไรอีกค่ะ 

เห็นคุณหมอบอกว่าประจำเดือนที่มาเกิดจากการหลุดลอกของผนังมดลูก ไม่ได้เกิดจากการตกไข่ แล้วที่รักษาด้วยยาคุมนี้จะเป็นการรักษาที่ตรงจุดรรึเปล่าคะ (เริ่มกังวลกับโรคที่เป็นอยู่ค่ะ ว่าจะเป็นอะไรรุนแรงไหม แต่ทุกครั้งที่ปจด.มาก็ไม่เคยปวดท้องรุนแรงนะคะ )

Moon*****i

16 พฤษภาคม 2556 19:07:10 #4

เพิ่มเติมนะคะ ทานยาคุมยี่ห้อ  yasmin ค่ะ 

นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

18 พฤษภาคม 2556 03:16:44 #5

หมอขอตอบในฐานะสูตินรีแพทย์นะครับ

จากประวัติการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงระหว่างรอบของยาเม็ดคุมกำเนิด ซึ่งหากทานยาคุมกำเนิดนี้ ถูกต้อง ครบแผงดีแล้วนั้น ไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์ในช่วงใด ก็ถือว่า สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้แล้วครับ ไม่จำเป็นต้องใช้การคุมกำเนิดชนิดอื่นเลย แต่ ข้อควรระว้ง ในช่วงนี้ อาจมีเลือดประจำเดือนออกมา การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงนี้ อาจทำให้มีการติดเชื้อในช่องคลอด และ อุ้งเชิงกรานได้นะครับ

ส่วนในเรื่่องการวินิจฉัย DUB คำว่า DUB คือ dysfunctional uterine bleeding นั้นหมายถึงการที่มีเลือดออกผิดปกติ ซึ่งส่วนใหญ่คือมาไม่สม่ำเสมอ อาจมีประวัติเลือดประจำเดือนขาดหายไป 2-3 เดือน อาจมากกว่านี้ก็ได้ แล้ว เลือดก็ออกมาปริมาณมาก หรือ กะปริดกะปรอย ครับ ซึ่งจะวินิจฉัยภาวะนี้ได้ จะต้องหาสาเหตุอื่นๆแล้ว ไม่พบครับ จึงจะวินิจฉัยภาวะนี้ได้ ซึ่งภาวะนี้ เกิดจาก ความผิดปกติของการตกไข่ ทำให้ระดับฮอร์โมนผิดปกติไป ส่งผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวผิดปกติในช่วงแรก ทำให้ประจำเดือนขาดหายไป ต่อมา เมื่อหนาตัวมากขึ้น จนมีการแตกหรือลอกตัวของเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้มีเลือดออกมาปริมาณค่อนข้างมาก หรือ อาจกะปริดกะปรอย มาไม่เป็นรอบ ลักษณะแบบนี้ ก็จะวนเวียนไปมา ครับ

ซึ่งสาเหตุของการตกไข่นั้น มักมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด เป็นต้น

ซึ่งจะประวัติ และ ในช่วงกลุ่มอายุของ moonoi นั้น ถือว่า ภาวะนี้มักพบได้บ่อย กว่า สาเหตุอื่นที่ทำให้เลือดออกผิดปกติ เช่น เนื่องอกมดลูก (myoma uteri) มดลูกโตจากภาวะเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (adenomyosis) ต่ิงเนื้อในโพรงมดลูก เป็นต้นครับ ดังนั้น การวินิจฉัยและให้การรักษาภาวะ DUB อาจทำได้ เหตุผลหนึ่งคือ อาจให้การรักษาไปก่อนเพราะการรักษานั้น ไม่รุนแรง เพียงให้ยาปรับรอบเดือน หลีกเลี่ยงสาเหตุดังกล่าวที่หมอกล่าวไป หากดีขึ้น ก็ถือว่า เป็นภาวะดังกล่าว แต่หากไม่ดีขึ้น แล้ว ค่อยมาตรวจเพื่ิมเติมก็ได้เช่นการตรวจอัลตราซาวด์ เป็นต้นครับ

การรักษาภาวะ DUB นั้น อาจต้องใช้ฮอร์โมนช่วยปรับรอบประจำเดือนให้ตรงเสียก่อน ส่วนสาเหตุที่แท้จริงนั้น จะต้องมีการแนะนำให้ปรับด้วย เช่น ภาวะเครียดให้พยายามลดลง พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นเวลา เป็นกิจวัตร หลีกเลี่ยงยาหรือสารอื่นๆที่ทำให้มีผลต่อการตกไข่ เป็นต้นครับ ซึ่งการทานฮอร์โมนนั้น นิยมให้ทานยาคุมกำเนิดแบบแผงรายเดือนนั้นเนื่องจาก ทานง่าย และ ปริมาณยาก็พอดี แนะนำผู้ป่วยให้ทานง่าย เข้าใจง่าย อีกทั้งยังสามารถคุมกำเนิดได้อีกด้วยครับ เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้สูตินรีแพทย์ ใช้ยาชนิดนี้ ในการรักษาครับ ซึ่งอาจทาน 3-6 เดือนเป็นอย่างน้อยครับ และ อย่างที่หมอกล่าวไป พยายามปรับเรื่องอื่นๆที่เป็นสาเหตุที่แท้จริง อีกด้วยครับ

ดังนั้น หมอคิดว่า ควรทานยาคุมกำเนิดนี้ไปก่อนนะครับ ข้อดีที่ได้มีมากครับ ข้อเสียหรือผลขข้างเคียง ที่หมอรับทราบจากประวัติ ถือว่า น้อยมากครับ และเมื่อคิดว่า ไม่มีสาเหตุที่มีผลต่อการตกไข่แล้ว ก็อาจลองหยุดยาได้ครับ แล้วสังเกตุลักษณะของประจำเดือนครับ

Moon*****i

19 พฤษภาคม 2556 12:06:31 #6

ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ นะคะ รู้สึกสบายใจขึ้นค่ะ