กระดานสุขภาพ

ในกรณีที่ทานยาปรับฮอร์โมนโดยไม่ทราบว่าตั้งครรภ์
Anonymous

10 ตุลาคม 2560 17:32:08 #1

สวัสดีค่ะ คือปกติเป็นคนรอบเดือนยาวคะ รอบจะประมาณ 50-60 วัน ซึ่งทำให้นับยากอยู่ เป็นอย่างนี้มาตลอดหลังหยุดยาคุมได้ประมาณ 2 ปี เพิ่งเริ่มจดเมื่อ ธันวาปีที่แล้วค่ะ ตอนนี้คือปล่อยเพื่อมีน้อง ประจำเดือนว่าสุดมาเมื่อวันที่ 28 ก.ค.60 และควรมาวันที่ 22 ก.ย. 60 แต่ผ่านมา 15 วันเมื่อวันที่ เสาร์ที่ 8 ได้ไปหาคุณหมอและปรึกษาเพราะตรวจปัสสาวะตอนเช้าแต่ไม่ขึ้ยว่าท้อง และคุณหมอให้ยาปรับฮอร์โมนมาทาน 14 วันคะ คำถามคือ 1. เป็นไปได้ไหมคะที่เนื่องจากเป้นคนปจดล่าช้า ทำให้ตรวจเจอว่าตั้งครรภ์ได้ช้ากว่าปกติ ตอนนี้ช่วงกล่งวันก้มีเพลียๆบ้าง เจ็บหน้าอก แน่นๆนิดหน่อย แล้วก้รู้สึกจุกเหมือนกินน้ำเยอะค่ะ 2. ถ้าตั้งครรภ์ขึ้นมา แล้วทานยานี้มาได้ 4 วันแล้ว จะเป็นอันตรายกับเด็กไหมคะ 3. แล้วควรตรวจแบบไหนดีที่สุดค่ะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ ตอนนี้นับว่าปจดขาดได้ 20 วันแล้วคะ
อายุ: 32 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 72 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 26.45 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

10 ตุลาคม 2560 23:59:10 #2

4. ยาปรับฮอร์โมนมีผลต่ออุณหภูมิร่างกายไหมคะ ปกติที่เคยวัดร่างกายตอนเช้าก่อนตื่นนอน อุณหภูมิคงที่อยู่ที่ 35.9-36.2 เท่านั้ยเอง หลังจสกนั้นก้ไม่ได้วัด้เพราะไม่เห้นการเปลี่ยนแปลงจนท้อ ปรากฎว่าเช้านี้ลองวัดดู ขึ้นมาถึง 36.7 คะ อาจจะท้องหรือเปล่าคะ ขอบคุณคะ
Anonymous

10 ตุลาคม 2560 23:59:36 #3

4. ยาปรับฮอร์โมนมีผลต่ออุณหภูมิร่างกายไหมคะ ปกติที่เคยวัดร่างกายตอนเช้าก่อนตื่นนอน อุณหภูมิคงที่อยู่ที่ 35.9-36.2 เท่านั้ยเอง หลังจสกนั้นก้ไม่ได้วัด้เพราะไม่เห้นการเปลี่ยนแปลงจนท้อ ปรากฎว่าเช้านี้ลองวัดดู ขึ้นมาถึง 36.7 คะ อาจจะท้องหรือเปล่าคะ ขอบคุณคะ
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

11 ตุลาคม 2560 07:34:28 #4

เป็นไปได้ค่ะในกรณีที่รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ นานๆ มาที อาจจะทำให้การตรวจการตั้งครรภ์พบได้ช้า การตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์นั้นจะสามารถยืนยันได้ถ้าทำการตรวจหลังจากมีเพศสัมพันครั้งสุดท้ายไปแล้วนาน 21 วันหรือ 3 สัปดาห์ ในกรณีถ้าเกิดมีการตั้งครรภ์และคุณทานฮอร์โมนตัวนี้ ก็ไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายกับลูกให้หยุดยาทันที ไม่ควรทานต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เพราะลูกอาจจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดอวัยวะเพศกำกวมได้ ถ้าอยากทราบผลแน่นอนว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ ก็ อาจจะทำการตรวจเลือดเพื่อทดสอบดูระดับฮอร์โมน hcg ค่ะ ซึ่งสามารถทำได้ หลังจากมีเพศสัมพันธ์ไปแล้ว 12 ถึง 14 วันค่ะ

Anonymous

12 ตุลาคม 2560 00:42:11 #5

ขอบคุณมากคคุณหมอ ขอถามอีกนิดนึงนะคะ ว่า คนที่ตั้งครรภ์ ชีพจรจะเต้นเร็วขึ้นจริงไหมคะ ช่วงนี้รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วและแรงเหมือนตื่นเต้นนะคะ แล้วก็รู้สึกง่วงมสกๆ แบบลืมตาไม่ขึ้นคะ รบกวนอีกครั้งคะ ขอบคุณมากคะ
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

12 ตุลาคม 2560 15:39:40 #6

ในกรณีที่สงสัยว่าอาจจะมีการตั้งครรภ์คุณควรตรวจปัสสาวะเพื่อทดสอบการตั้งครรภ์ค่ะ โดยผลการตรวจจะมีความแม่นยำถ้าได้ตรวจหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วนาน 3 สัปดาห์ ส่วนอาการชีพจรเต้นเร็ว ใจสั่น ง่วงนอน ปัสสาวะบ่อยนั้นอาจจะสัมพันธ์กับการตั้งครรภ์ได้บ้าง แต่จะไม่ใช้ในการวินิจฉัยเรื่องของการตั้งครรภ์จนกว่าจะได้รับการตรวจปัสสาวะ เพื่อยืนยันโดยดูระดับฮอร์โมนที่ตรวจพบในปัสสาวะเท่านั้นค่ะ หรืออาจจะเป็นการตรวจเลือดเพื่อดูฮอร์โมน hcg ก็ได้เช่นกันค่ะโดยการตรวจเลือดจะต้องทำหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายไปแล้วนานประมาณ 2 สัปดาห์ ผลจึงจะเชื่อถือได้ค่ะ