กระดานสุขภาพ

สองอันนี้แตกต่างกันหรือเปล่า
Anonymous

23 กุมภาพันธ์ 2556 13:39:53 #1

 

ครั้งแรกใช้กล่องบน แล้วไปซื้อมาอีกครั้งหยิบผิดเป็นกล่องที่ 2 

จะเป็นอะไรไหม ใช้แทนกันได้ไหม แล้วมันปตกต่างกันหรือเปล่า

อายุ: 17 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 155ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.73 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

1 มีนาคม 2556 14:54:02 #2

เรียน คุณ b4097
ยาที่คุณสอบถามมาใช้รักษาสิวแต่คนละวัตถุประสงค์ครับ

  1. erythromycin gel เป็นยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย สามารถทาทิ้งไว้ได้ ไม่ค่อยมีฤทธิ์ระคายเคือง ไม่ทำให้สีของเสื้อผ้าจางลง มักมีอาการระคายเคืองบ้างเล็กน้อย ถ้าทาปริมาณมากอาจเกิดเป็นคราบขาว ๆได้
  2. benzoyl peroxide อาศัยการปลดปล่อย peroxide เพื่อกำจัดเชื้อที่ทำให้เกิดสิว อาการไม่ึพึงประสงค์มักทำให้เกิดการระคายเคือง แดง ลอก หรือทำให้สีเสื้อผ้าจางลง (คล้ายกับ hydrogen peroxide เข้มข้น 9% ที่ใช้ฟอกสีผม) มักทาทิ้งไว้เพียง 10-15 นาทีแล้วล้างทิ้ง การทาทิ้งไว้นาน หรือปริมาณมากเกินไปจะทำให้สิวที่แห้งเกิดเป็นรอยดำๆ ได้

หากยังไม่ได้เปิดใช้ แนะนำให้นำไปเปลี่ยนนะครับ แต่ถ้าเปิดใช้แล้ว ให้ปรับวิธีทาตามที่แนะนำครับ
ข้อแนะนำที่ควรปฏิบัติ

  1. ปรับเรื่องอาหาร ไม่ควรรับประทานอาหารหวานจัด หรือมันจัด เนื่องจากเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดสิวเพิ่มขึ้น
  2. การออกกำลังกาย เมื่อร่างกายสร้างเหงื่อ จะช่วยลดการอุดตันของรูขุมขนได้
  3. อาบน้ำให้สะอาด โดยใช้สบู่อ่อน ๆ จะช่วยลดปริมาณเชื้อและไขมันที่สะสม แต่ไม่ควรขัดถูแรง ๆ การระคายเคือง ผิวหน้าจะยิ่งสร้างไขมันออกจากรูขุมขน
  4. สังเกตเรื่องสิวของของใช้ เช่น สบู่ แป้ง หรือแชมพู ครีมนวด มักพบว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดได้บ่อย ๆ
  5. เมื่อทายาแล้ว ควรทาผลิตภัณฑ์กันแดด สำหรับผู้ที่ผิวมัน หรือเป็นสิวง่าย เนื่องจากการทายาจะทำให้ผิวบางลง เกิดรอยดำได้ง่าย
  6. ดูแลความสะอาดของเครื่องนอน หมั่นซักบ่อย ๆ

ขอเสริมข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับยาแต่ละตัวครับ

1. ERAZIT GEL : มีส่วนประกอบหลักคือ erythromycin 4% และ alcohol ตัวยาช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรีย Propionibacterium acne ซึ่งเป็นเชื้อที่เหตุก่อสิว

วิธีใช้ ทาเฉพาะบริเวณที่เป็นสิว และสิวอักเสบ ทาบาง ๆเพียงวันละ 2 ครั้ง หลังล้างหน้า เช้า เย็น
การทาหนาไม่ได้ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น เมื่อแห้งยังทิ้งคราบขาว ๆไว้อีกด้วย
ระยะเวลาที่เห็นผล ประมาณ 4-8 สัปดาห์

ข้อควรระวัง

  • ยานี้มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ เพื่อช่วยการละลายของตัวยา แต่อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนได้
  • ไม่ควรทาใกล้บริเวณเนื้อเยื่ออ่อน เช่น ตา ริมฝีปาก หรือบริเวณที่เป็นแผลเปิด เนื่องจากจะระคายเคืองอย่างมาก
  • ไม่ควรใช้ร่วมกับยากลุ่มกรดวิตามินเอหรือ ฟีนอล (ในยาทาประเภท white lotion, alba lotion) เนื่องจากจะยิ่งทำให้เกิดอาการไม่พึง ประสงค์เพิ่มขึ้น

อาการไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อย - คัน แห้ง แดง ลอก รู้สึกแสบร้อนบริเวณที่ทา

การเก็บรักษา - เก็บที่อุณหภูมิห้อง (ประมาณ 30 องศาเซลเซียส) ปิดฝาให้สนิทหลังเปิดใช้ทุกครั้ง

2. ENZOXID gel : ส่วนประกอบหลัก คือ Benzoyl PEROXIDE 2.5, 5 และ 10% คุณสมบัติของยาคือใช้เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ลดปริมาณสิวอุดตัน

กลไกการออกฤทธิ์ - PEROXIDE เป็นตัวกำจัดเชื้อ คล้ายกับ Hydrogen peroxide ที่ใช้ล้างแผลฆ่าเชื้อ

ขนาดของยาที่ใช้ - ใช้ทาบริเวณสิว เพียง 10-15 นาทีแล้วล้่างออก เนื่องจากหากทิ้งไว้นานจะเกิดอาการระคายเคืองได้ ถ้าเป็นไม่มาก แนะนำให้ทาเพียงวันละ 1 ครั้ง ตอนเย็น หลังล้างหน้า แต่ก่อนอาบน้ำ ควรเริ่มจากยาที่ความเข้มข้นน้อย ๆก่อน เมื่อไม่มีอาการระคายเคืองมาก จึงค่อย ๆเพิ่มขนาดยาหรือระยะเวลา ระยะเวลาที่เห็นผล ประมาณ 4-8 สัปดาห์ โดยสิวจะค่อย ๆลดปริมาณลง

ข้อควรระวัง 

  • เนื่องจาก PEROXIDE ช่วยฆ่าเชื้อแล้ว ยังอาจทำให้เสื้อผ้าสีจางลงได้ (คุณสมบัติคล้าย Hydrogen Peroxide เข้มข้น ขนาด 9% ที่ใช้ฟอกสีผมให้จางลง)
  • ให้ล้างออกก่อนเวลาได้ ถ้ามีอาการแสบ แดงร้อน บริเวณที่ทายา อาการดังกล่าวส่วนใหญ่มักหายไปได้เอง
  • ถ้าไม่มีสิว ไม่ควรทา เนื่องจากพบว่าจะทำให้เกิดผิวแห้ง หยาบกร้าน
  • ถ้าสิวเริ่มแห้งแล้ว ควรทาต่ออีก 2-3 วัน ก็พอ เนื่องจากหากทานานเข้าจะยิ่งกระตุ้นให้เป็นรอยแผลเป็นสีคล้ำได้

อาการไม่พึงประสงค์ที่พบบ่อย - คัน แสบ แดง ร้อน หากทิ้งไว้นานอาจเกิดรอยดำ ไหม้ ส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นเองภายใน 1-2 วัน แต่ถ้าเริ่มรุนแรงขึ้น เป็นแผล ควรรีบไปพบแพทย์ พร้อมนำยาที่ใช้ไปด้วย

ข้อมูลจากเอกสารกำกับยา

 

เป็นกำลังใจให้นะครับ
เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล