เรียน คุณ 6b315,
ก่อนเริ่มต้นรับประทานยาใด ๆควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนนะครับ เพื่อทำการวินิจฉัยถึงความจำเป็นในการใช้ยา
ส่วนใหญ่อาการหวัด สามารถรักษาหายได้เอง โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะ เพียงแต่พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำอุ่นให้เพียงพอ บ้วนปากกลั้วคอด้วยน้ำเกลือบ่อย ๆ เพื่อลดปริมาณเชื้อ หากมีอาการเจ็บคอเล็กน้อย ไม่มีตุ่มหนอง น้ำมูกหรือเสมหะไม่เหลืองเขียวทั้งวัน (ส่วนใหญ่จะพบว่ามีข้นเหนียวในตอนเช้า เนื่องจากตอนหลับ จะแห้งจึงทำให้เกิดความข้นเหนียวว เขียวเล็กน้อย ไม่ได้เป็นตลอดทั้งวัน) ไม่มีความจำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ เพียงแต่ปฏิบัติตามที่แนะนำในเบื้องต้น
แต่หากแพทย์หรือเภสัชกรดูแล้วว่ามีความจำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ ต้องรับประทานยาให้ถูกต้อง ครบตามขนาด และรับประทานยาอย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์แนะนำ อย่างน้อย 5-7 วัน เพื่อกำจัดเชื้อให้ได้มากที่สุด และป้องกันการกลับเป็นซ้ำ และป้องกันการเกิดเชื้อดื้อยา กลไกการลดประสิทธิภาพของยา เกิดจากการที่ตัวยาปฏิชีวนะกำจัดเชื้อที่มีในทางเดินอาหาร ลดการดูดตัวยาคุมกำเนิดกลับซ้ำเข้ามาในลำไส้ ดังนั้น การเว้นช่วงห่าง
ไม่ได้ส่งผลให้ลดการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา "ยาตีกัน" ดังนั้นในช่วงที่รับประทานยาปฏิชีวนะ หากจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ ให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัยร่วมด้วย ทั้งขณะที่รับประทานยาปฏิชีวนะ และอีก 7 วันหลังจากยาปฏิชีวนะหมด เพื่อความมั่นใจในประสิทธิภาพการคุมกำเนิด
สิ่งที่ต้องระวังเพิ่มเติม คือหากมีอาการไข้หวัด ควรระวังการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย (กรณีมีการติดเชื้อแทรกซ้อน) กับคู่นอน หากหลีกเลี่ยงได้ ควรเว้นช่วงการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน ซึ่งอาจแพร่เชื้อผ่านน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ น้ำตาได้
สรุป ตามที่คุณให้ข้อมูลมา ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะครับ หรือหากอาการรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อพิจารณาคัดเลือกยาที่เหมาะสมกับคุณต่อไป
อย่าลืมแจ้งด้วยว่ากำลังใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอื่นใดร่วมด้วย
เป็นกำลังใจให้ครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่
ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)
แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
สูตินรีแพทย์
ยาลดประสิทธิภาพยาคุมกำเนิด (Common medications that reduce efficacy of birth control medications)
ภก. กรชัย ฉันทจิรธรรม
เภสัชกร