กระดานสุขภาพ

อยากทราบว่าเป็นหนองในหรือปล่าว
2394*****n

17 กันยายน 2559 00:34:00 #1

คือหนูมีมีเพศสัมพันกับเเฟน ตอนนั้นไม่ได้ใส่ถุงยาง เเล้วหลังจากนั้นไม่กี่วัน หนูมีอาการปัสสาวะเเสบขัด ไปหาหมอ พบว่าเป็นท่อปัสสาวะอักเสบ หมอก็ให้ยามา ก็กินจนหมด อาการดีขึ้น เเต่พอสักพัก หนูมีตกขาวสีออกเหลืองเขียว ปัสสาวะมีสีขุ่น รุ้สึกเเสบขัดเล็กน้อย มีอาการคันบริเวณช่องคลอด อยากทราบว่าหนูเป็นหนองในหรือปล่าว เพราะเเฟนพึ่งมาบอกเหมือนกันว่าเป็น เเต่ตอนนั้นลืมว่าเป็นเลยไม่ได้ป้องกัน ถ้าจะซื้อยากินเอง ต้องเปนยาชนิดไหนคะ ถึงจะหายขาด กังวลมากเลย
อายุ: 17 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 52 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.31 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

26 กันยายน 2559 07:58:43 #2

ปกติแล้วลักษณะอาการที่กล่าวมา เช่น ปัสสาวะมีสีขุ่น รุ้สึกเเสบขัดเล็กน้อยนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นท่อปัสสาวะอักเสบซึ่งพบได้บ่อยหลังจากกการมีเพศสัมพันธ์ครับ แต่หนองในนั้นจะมีอาการมากกว่า เช่น อาจมีสารคัดหลั่งเป็นของเหลวคล้ายหนองออกมาจากช่องท่อปัสสาวะครับ ดังนั้น หากทานยาที่หมอให้การรักษาแล้วไม่ดีขึ้น ควรกลับไปพบท่านครับ เพื่อตรวจและให้การรักษาเพิ่มเติม

ในเรื่องของอาการตกขาวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

Anonymous

19 ตุลาคม 2559 12:41:42 #3

1. ยากิน Cefaclor เม็ดละ 500 มก.ในขนาด 3 กรัม (6 เม็ด) ร่วมกับยารับประทานโปรเบนิซิด 1 กรัม หรือ 2. ยากิน Augmentin ซึ่งประกอบด้วยยา Amoxycillin ในขนาด 3 กรัม และยาต้านเอนไซม์เพนิซิลลิเนสชื่อ Clavulinic acid 250 มก. หรือ 3. ยากิน Thiamphenical (Urfamycin) ในขนาด 250 มก. (10 เม็ด) 2 ครั้งห่างกัน 24 ชั่วโมง หรืออาจใช้ชนิด 500 มก. ครั้งละ 5 เม็ด 2 ครั้งติดต่อกัน ห่างกัน 24 ชั่วโมง. 4. ยากิน Rosoxacin (Eradacil) ขนาด 300 มก.รับประทาน 2 เม็ด ครั้งเดียว ยานี้อาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะอย่างรุนแรง แต่จะหายไปเองใน 12 ชั่วโมง สำหรับการรักษาจากแพทย์ทางด้านกามโรคแล้วยาที่นิยมใช้กันมาก ในปัจจุบันได้แก่ 1. ยาฉีด Spectinomycin ในขนาด 2 กรัม 2. ยาฉีด Ceftriaxone ในขนาด 250 มก. 3. ยาฉีด Cefotaxime ในขนาด 0.5 กรัม ร่วมกับยารับประทานโปรเบนิซิด 1 กรัม