กระดานสุขภาพ

ยาคุมฉุกเฉิน
Anonymous

10 กรกฎาคม 2558 07:52:13 #1

ขอปรึกษาค่ะ พอดี ทานยาเม็ดคุมกพเนิดฉุกเฉินไป แล้ว ประมาณ 5 วัน มีประจำเดือน แต่หลังจากทาน มักมีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ หน้ามืด ไม่มีแรง วันแรกของการมีประจำเดือน มีอาการเวียนหัว คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ตลอดเวลา อาการเหล่านี้เป็นผลข้างเคียงของยาหรือเปล่าค่ะ และตำเป็นต้องพบแพทย์หรือเปล่าค่ะ เพราะลุกขึ้นไม่ได้เลยค่ะ มีอาการเวียนหัวทั้งวัน เป็นๆหายๆสลับกัน
อายุ: 29 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 47 กก. ส่วนสูง: 153ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.08 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

13 กรกฎาคม 2558 14:18:55 #2

เรียน คุณ ce2b0,

ตัวยาคุมกำเนิดประกอบด้วยฮอร์โมน levonorgestrel 750 ไมโครกรัมต่อเม็ด เป็นฮอร์โมนเพศจำพวกโปรเจสติน ที่มีคุณสมบัติในการคุมกำเนิดโดย

1. ทำให้มูกที่ปากมดลูกมีความข้นเหนียวมากขึ้น ลดโอกาสที่อสุจิจะเข้าไปพบกับไข่

2. ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวช้าลง ลดโอกาสที่ไข่จะเดินทางมาพบกับตัวอสุจิ

3. ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลง จนตัวอ่อนไม่สามารถมาฝังและเจริญเติบโตเป็นทารกได้ (หากมีการผสมของไข่กับอสุจิ)

ตัวยาคุมกำเนิดฉุกเฉินนี้ ทางการแพทย์ใช้ต่อเมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น เช่น เมื่อถูกข่มขืน หรือเมื่อถุงยางอนามัยฉีกขาด รั่วซึม ไม่ควรใช้แทนการคุมกำเนิดปกติ เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมนสูงมาก และมีอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์สูง เมื่อเทียบกับยาคุมกำเนิดปกติ คือมีปริมาณฮอร์โมน 2 เม็ด 1,500 ไมโครกรัม เทียบกับชนิดปกติ 50-75 ไมโครกรัมต่อเม็ด และอัตราเสี่ยง 8-15 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับปกติ น้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ จากข้อมูลในเอกสารกำกับยา ห้ามใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเกิน 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากเสี่ยงต่อการเสียชีวิต เหตุจากการตกเลือดในช่องท้อง จากการตั้งครรภ์นอกมดลูก แต่จากข้อมูลการศึกษาย้อนหลังพบว่า สตรีที่เคยได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน "มากเกินกว่า 3 ครั้ง ตลอดชีวิต" จะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆมากกว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดปกติ เช่น มะเร็งสมอง มะเร็งเต้านม มะเร็งมดลูก/รังไข่ หรือมะเร็งตับ เป็นต้น

ดังนั้น หากคุณยังไม่ได้แต่งงาน มีเพศสัมพันธ์เป็นครั้งคราว แนะนำให้ใช้การสวมถุงยางอนามัยจะเหมาะสมกว่านะครับ เพราะช่วยในการคุมกำเนิดและยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด เริม ตับอักเสบ บี/ซี หรือโชคร้ายสุดคือ เอชไอวีที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ที่ปัจจุบันยังไม่มียารักษาให้หายขาด นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี ที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง หูดหงอนไก่/มะเร็งองคชาติในเพศชายหรือหากแต่งงานแล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อคัดเลือกวิธีการคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับรูปแบบฮอร์โมนเพศในร่างกาย และดูว่ามีข้อห้ามใช้หรือข้อควรระวังใด ๆต่อสุขภาพคุณหรือไม่

จากข้อมูลข้างต้น คงได้คำตอบนะครับ ว่าเกิดจากการได้รับฮอร์โมนเพศขนาดสูง ประกอบกับคุณมีน้ำหนักค่อนข้างน้อย จึงทำให้ยังคงมีปริมาณฮอร์โมนสะสมได้ จึงทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องอืด อ่อนเพลียได้ อาการดังกล่าวจะค่อย ๆดีขึ้นเอง เมื่อร่างกายกำจัดฮอร์โมนเพศที่เกินไปได้หมด หากหลังจากนี้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาการยังไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุต่อไป

ขอแนะนำเพิ่มเติม หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถปรึกษาเภสัชกรร้านยาได้ทันที ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ ซึ่งอาจช้าไม่ทันการ เสี่ยงเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดีๆจากกองบรรณาธิการของเราที่ ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill) แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์