กระดานสุขภาพ

หยุดทานยาคุมแล้วอยากทานต่อ
Anonymous

4 มิถุนายน 2558 14:32:26 #1

คุณหมอคะ หลังจากหนูมีประจำเดือนเมื่อวันที่ 15-18 พ.ค.ที่ผ่านมา หนูก็หยุดกินยาคุมค่ะ แล้ววันที่ 1 มิ.ย. มีเลือดออกกระปริกระปรอยมาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่หาย ออกมาสีน้ำตาลพร้อมตกขาวและเหมือนก้อนเลือดออกมาด้วยอ่ะค่ะ พอเปื้อนกางเกงใน แล้วหนูอยากทานยาคุมต่อค่ะ หนูควรเริ่มทานยาคุมได้ตอนไหนคะ ? แล้วเลือดที่ออกมาพร้อมตกขาวคืออะไรคะ 

อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.37 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

6 มิถุนายน 2558 12:49:20 #2

เรียน คุณ 8cdfd,

ขอแยกคำตอบเป็น 2 ประเด็น นะครับ

1. การจะกลับมารับประทานยาคุมกำเนิดอีกครั้ง ต้องมั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์ ดังนั้น จึงควรรอจนกว่าประจำเดือนครั้งใหม่จะมา โดยให้เริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดเม็ดแรก ภายในวันแรกที่มีประจำเดือน (หรือช้าสุดไม่เกินวันที่ 5 ของประจำเดือน) เพื่อให้มั่นใจว่ายาสามารถออกฤทธฺ์ยั้บยั้งไม่ให้มีไข่ตกได้ตั้งแต่รับประทานยาครบ 24 ชั่วโมง

  • โดยควรรับประทานยาให้เวลาใกล้เคียงกันของทุกวัน เพื่อให้ระดับยาในเลือดสม่ำเสมอ ป้องกันภาวะเลือดออกกะปริบกะปรอย
  • รับประทานยา "ทุกชนิด" ด้วยน้ำเปล่าสะอาดเท่านั้น เนื่องจากเครื่องดื่มบางชนิดจะทำให้ตัวยาตกตะกอน ร่างกายไม่สามารถดูดซึมยาได้ เช่น ชา (ชาเขียว) กาแฟ นม น้ำเต้าหู้ ชอคโกแลต โซดา น้ำอัดลม ฯ หรือน้ำผลไม้บางชนิดจะกระตุ้นให้ตับมีการสร้างเอนไซม์หรือน้ำย่อยที่ใช้กำจัดยาเพิ่มมากขึ้น เช่น น้ำส้มคั้น น้ำแอปเปิ้ล น้ำเกรปฟรุต น้ำแครนเบอร์รี ฯ
  • ไม่ควรลืมรับประทานยา เนื่องจากหากระดับยาไม่สม่ำเสมอ จะทำให้เกิดภาวะเลือดออกกะปริบกะปรอย หรือเสี่ยงต่อการคุมกำเนิดไม่ได้ผล
  • ไม่ซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆมาใช้ร่วมกัน โดยที่ยังไม่ได้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เนื่องจากอาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างกัน "ยาตีกัน" จนทำให้ระดับฮอร์โมนยาคุมกำเนิดลดต่ำลง จนเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ หรือยาที่แพทย์สั่งใช้ไม่ได้ผล อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
  • ควบคุมอาหาร โดยงดอาหารเค็ม เนื่องจากจะเสริมฤทธฺ์กับฮอร์โมนเอสโตรเจน อาจทำให้เกิดภาวะบวมน้ำได้

2. ภาวะเลือดออกกะปริบกะปรอย อาจเกิดจากผลการหยุดรับประทานยาคุมกำเนิด เป็นช่วงที่ร่างกายกำลังปรับตัวให้เข้ากับภาวะฮอร์โมนเพศที่เปลี่ยนแปลงไป ส่วนก้อนเลือดน่าจะเป็นจากที่เยื่อบุโพรงมดลูกที่ยังหลุดลอกออกไม่หมดจากช่วงที่มีประจำเดือน ทั้งนี้หากผ่านไป 2-3 สัปดาห์แล้ว อาการต่าง ๆยังไม่ดีขึ้น หรือมีก้อนเลือดที่สีเปลี่ยนไป เป็นสีสด หรือมีขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ส่วนภาวะตกขาว หากมีสีเปลี่ยนไปประกอบกับมีอาการคัน หรือมีกลิ่นเหม็นเพิ่มขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อรักษาภาวะติดเชื้อต่อไป

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล