กระดานสุขภาพ

เป็นเบาวหวานและผอมมาก แขนขาลีบ และชาตามนิ้วมือ และเท้า
Kewa*****n

2 มิถุนายน 2558 10:17:01 #1

ตอนนี้ผอมมากเลย เป็นเบาหวานที่ได้รับมาจากกรรมพันธ์ ปัสาาวะบ่อย จนนอนไม่ได้ ผิวแห้ง คัน ตอนนี้กินยา Glucophage 500 mg, Minidiab 5 mg, HiDil 600 mg จะถามว่าไม่ทราบยาที่ทานอยู่นี้ ต้องปรับอะไร บ้างมั้ย เพราะกินยามานานร่วม 7-8 ปีได้ และ ตอนนี้ก็ผอมมาก ไม่ทราบว่ายังต้องกิน HiDil 600 mg อยู่หรือไม่ ปล. ไม่ได้ไปพบแพทย์เลย และตอนนี้เกิดอาการชาปลายเท้า นิ้วมือ คุณหมอมียาอะไรแนะนำบ้างมั้ยคะ 

อายุ: 45 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 45 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 15.57 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ผ*****

3 มิถุนายน 2558 13:04:00 #2

ชนิดของโรคเบาหวาน

มี 4ชนิด แต่ที่สำคัญคือ 2 ชนิด

1. โรคเบาหวานชนิดที่ 1 พบประมาณ 5% มักเกิดในเด็กจนถึงวัยรุ่น ผู้ป่วยมักผอม

เกิดจากการที่ตับอ่อนไม่สามารถสร้างอินซูลินได้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย เซลต่าง ๆ

ไม่สามารถนำกลูโคสในเลือดไปใช้ได้ จึงต้องมีการสลายของเซลกล้ามเนื้อและไขมันเป็นกลูโคส

ขณะที่มีการสลายไขมัน ก็เกิดสารคีโตนซึ่งเป็นสารที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นในกระแสเลือด

เป็นเหตุให้นอกจากจะมีอาการของโรคเบาหวานดังกล่าวแล้วยังมีอาการหอบเหนื่อยจากภาวะคีโตนคั่

งในเลือดด้วย ไม่สามารถรักษาโดยใช้ยากินได้ ต้องใช้การฉีดอินซูลินทุกวัน

2. โรคเบาหวานชนิดที่ 2 พบประมาณ 95% ของโรคเบาหวานทั้งหมดมักเกิดในผู้ใหญ่จนถึงสูงอายุ

ผู้ป่วยมักจะอ้วน ร่างกายยังสร้างอินซูลินได้อยู่ แต่อาจไม่เพียงพอ

หรือเนื่องจากการทำงานของอินซูลินไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควรที่จะควบคุมให้น้ำตาลในเลือดอยู่ในร

ะดับปกติได้ ต้องใช้การลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย

ร่วมกับการรักษาด้วยยาเบาหวานชนิดกินหรือฉีด

ไม่ทราบเป็นเบาหวานนานหรือยัง น้ำหนักตัวก่อนเป็นเบาหวานมากหรือไม่

คุณบอกว่าเป็นกรรมพันธ์ และการที่คุณมีอาการที่บ่งบอกว่าน้ำตาลในเลือดยังสูงอยู่เช่นปัสสาวะบ่อย

กระหายน้ำและน้ำหวาน หิวบ่อยกินจุแต่น้ำหนักลด

แสดงว่าตับอ่อนซึ่งเป็นแหล่งผลิตฮอร์โมนอินซูลินเสื่อมมาก

แม้จะได้ยารักษาเบาหวานชนิดกินไปกระตุ้นก็ยังคุมไม่ได้

คุณอาจเป็นเบาหวานชนิดที่1ซึ่งควรพบในคนอายุน้อยกว่านี้ แต่ก็อาจพบในผู้ใหญ่ได้

ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยาฉีดอินซูลิน หรือเป็นเบาหวานชนิดที่2ที่คุมด้วยยากินไม่ได้ก็ได้

ควรพบอายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อเพื่อประเมินและปรับการรักษาใหม่โดยด่วน

มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายต่อหลอดเลือดแดง และเกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรงได้ในอนาคต

ยิ่งคุมน้ำตาลได้เร็วเท่าไรหลอดเลือดก็จะไม่ถูกทำลายมากเท่านั้น