กระดานสุขภาพ

ทานยาแก้ปวดศีรษะไมเกรนในช่วงให้นมบุตร
AoNa*****t

10 พฤษภาคม 2558 12:22:47 #1

อยู่ในช่วงให้นมบุตรค่ะ ลูกอายุ 10 เดือน
ปวดศีรษะไมเกรนมา 3 วัน มีอาการเป็นพักๆ ทุกครั้งที่ปวดทานยาพาราแล้วทุเลา
วันนี้ปวดมากๆ ทานพาราไม่ทุเลา ทานซ้ำทุก 4 ชม. รวมทั้งหมด 6 ครั้ง ไม่ทุเลา
จึงตัดสินใจทานยา cafergot 1 tab flunarizine 1 cap ห่างครึ่งชม.อาการทุเลาแต่ไม่หาย จึงทานยา cafergot 1 tab ซ้ำ อาการดีขึ้นมาก มาอ่านเจอว่าไม่ควรทานยาในช่วงให้นมบุตร
* กังวลมากค่ะ.....
1. อยากทราบว่าจะส่งผลอย่างไรกับบุตรถ้าทานนมแม่?
2. ถ้างดให้นมบุตร ต้องงดนานเท่าไหร่จึงจะกลับไปให้นมบุตรได้อีก?
** ขอบคุณไว้นะโอกาสนี้ด้วยค่ะ

อายุ: 29 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 54 กก. ส่วนสูง: 152ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.37 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

12 พฤษภาคม 2558 15:57:23 #2

เรียน คุณ AoNaphat,

ขอตอบแยกเป็นประเด็น คือ

1. การรับประทานยารักษาปวดไมเกรน จากกลไกการออกฤทธิ์ เท่าที่สันนิษฐานคืออาการปวดไมเกรน เกิดจากการกระตุ้นหลอดเลือดสมอง ทำให้หลอดเลือดสมองตีบตัวชั่วขณะ ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ ร่างกายจึงหลั่งสารทำให้หลอดเลือดสมองขยายตัว ซึ่งในผู้ป่วยบางรายพบว่ามีความบกพร่องในการควบคุมการหดหรือขยายตัวของหลอดเลือด เมื่อขยายตัวมากเกิน จะทำให้เบียดเนื้อสมอง จึงทำให้เกิดอาการปวดไมเกรนขึ้นได้

- ตัวยา caffeine + ergotamine จะออกฤทธฺ์ลดอาการปวด โดยทำให้หลอดเลือดหดตัว จึงช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ โดยมีข้อควรระวังคือ ห้ามรับประทานยาเกิน 6 เม็ดต่อวัน และ ห้ามเกิน 10 เม็ดต่อสัปดาห์ และห้ามซื้อยาหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารใด ๆมาใช้ร่วมกัน โดยที่ไม่ได้ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เนื่องจากยาบางรายการจะทำให้ ตัวยาค้างอยุ่ในร่างกายและมีการสะสมมากเกินกว่าฤทธิ์ในการรักษา จึงทำให้เกิดภาวะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลาย เช่น แขน หรือ ขา หดตัวมากเกิน ระยะต้นจะทำให้ปลายมือเท้า ชา เลือดไม่ไหลเวียน แต่หากมากเกินจนเกิดอาการพิษ จะทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลายถาวร จนเป็นสาเหตุทำให้เกิดเนื้อตายได้ ดังที่เคยอ่านในหนังสือพิมพ์ ผู้ป่วยบางรายต้องตัดมือหรือเท้า เนื่องจากเกิดเนื้อเน่าตาย

- flunarizine เป็นยาที่ช่วยขยายหลอดเลือด เพิ่มปริมาณเลือดไปเลี้ยงสมอง จึงนำมาใช้รับประทานต่อเนื่อง เพื่อ "ป้องกัน" อาการปวดไมเกรน โดยป้องกันไม่ให้เกิดการ หดและขยายตัวของหลอดเลือดสมอง ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดไมเกรน

ดังนั้น จึงห้ามใช้ยาทั้งสองตัวนี้พร้อมกันขณะที่มีอาการปวดไมเกรน เนื่องจากยาทั้งสองตัว ออกฤทธิ์ต้านกันเอง ทั้งนี้หลังจากรับประทานยา caffeine + ergotamine แล้วต้องนอนพัก ในที่มืดและเงียบ เนื่องจากจะช่วยทำให้อาการทุเลาเร็วขึ้น ลดสิ่งกระตุุ้นจากภายนอก

กลับมาที่คำถามของคุณ "ที่บอกว่ากังวลมาก" - ยาตัวแรกมีส่วนประกอบของ caffeine ที่ได้จากกาแฟ/ชา ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้กระตุ้นสมอง ช่วยทำให้หลอดเลือดหดตัว หัวใจเต็นเร็ว และสูบฉีดเลือดมากขึ้น ส่วน ergotamine มีผลทำให้หลอดเลือดหดตัว เพิ่มความดันเลือด

ส่วน flunarizine ส่งผลให้หลอดเลือดขยายตัว และทำให้เกิดอาการง่วงซึม

  • หากให้บุตรดื่มนม ก็จะส่งผลดังที่ได้แจ้งไปก่อนหน้านี้ด้วย
  • หากจำเป็นต้องให้นมบุตร ให้เว้นอย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายกำจัดตัวยาออกไปให้หมดก่อน ส่วนหากจำเป็นต้องรับประทานยา flunarizine ให้รับประทานยานี้ก่อนเข้านอน และเว้นช่วงอย่างน้อย 8-10 ชั่วโมง เพื่อให้เหลือระดับยาในเลือดน้อย จนเหลือผ่านออกทางน้ำนมน้อยที่สุด

2. การป้องกันอาการปวดไมเกรน ทั้งนี้ให้สังเกตว่าเกิดเมื่อใด มีสาเหตุจากอะไร ทั้ืงภาวะเครียด เรื่องงาน การขาดสารอาหาร ขาดการพักผ่อนที่เพียงพอ หรือภาวะน้ำหนักเกิน มีน้ำตาลหรือไขมันในเลือดสูง เป็นต้น

ขอแนะนำเพิ่มเติม "ก่อน" เริ่มต้นการใช้ยาหรือผลิตภัณฑ์สุขภาพใด ๆ ต้องอ่านฉลากให้เข้าใจและชัดเจน ก่อนเริ่มต้นการใช้ยาเสมอ หรือหากยังไม่เข้าใจในวิธีการใช้ สามารถสอบถามจากเภสัชกรร้านยาใกล้บ้านได้ ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้าไม่ทัีนการ หรือคำแนะนำที่ให้ไม่ตรงกับความต้องการของคุณ หรือไม่สามารถปฏิบัติตามได้ "กันไว้ดีกว่าแก้" ยังคงใช้ได้เสมอนะครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

  • ไมเกรน (Migraine) โดย แพทย์หญิง สลิล ศิริอุดมภาส วว. พยาธิวิทยากายวิภาค
  • ยาเออร์โกตามีน (Ergotamine) คาเฟอร์กอท (Cafergot) โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
AoNa*****t

12 พฤษภาคม 2558 18:20:08 #3

#เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

ขอขอบคุณมากค่ะสำหรับความรู้ที่ให้

ต่อไปจะระมัดระวังให้มากขึ้น  และจะนำคำแนะนำไปปรับใช้ค่ะ

*สบายใจขึ้นมากจริงๆ  /''/>o