กระดานสุขภาพ

จะทานยาสตรีได้ไหมคะ
Anonymous

17 กุมภาพันธ์ 2558 04:38:04 #1

สวัสดีคะ คุุณหมอ 

เมื่อวันที่ 12 กพ. มีตกขาวสีเขียวอ่อนๆ เหมือนแป้งเปียกออกมากค่ะจะเป็นช่วยตอนเย็น เป็นมา 2 วัน และเป็นเหมือนเม็ดผื่นแดงข้างในแคมเล็ก อันนี้เป็นมาสัก 2 เดือนได้ค่ะ แต่พึงมีอาการระคายเคืองตอนที่ตกขาวสีเขียวคะ หนูมีอะรัยกับแฟนล่าสุดคือวันที่ 8 กพ.ค่ะ แต่เนืองจากแฟนขอมีอะไรทางข้างหลังด้วย แล้วก็มาทางข้างหน้าต่อ หนูเลยคิดว่ามันน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ติดเชื่อ วันที่ 14 ไปหาหมอ หมอให้ยาฆ่าเชื้อมาทา และนัดตรวจภายในวันที่ 16 เมื่อถึงวันที่ 16 ตกขาวเริ่มปกติ เป็นสีขาว หมอตรวจภายในแล้วแจ้งว่า มดลูกปกติ แต่มีอาการแดงทางช่องคลอดเนื้องจากอักเสษ และให้ยาฆ่าเชือมาทาน 2 อย่างเป็นยาปฏิชิวนะค่ะ

เดือนที่แล้วประจำเดือนมาวันที่ 13 มค. แต่ปัจจุบันประจำเดือนยังไม่มีเลยคะ อยากทราบว่าที่ประจำเดือนไม่มามันเกี่ยวกับอาการของตกขาวและการอักเสษรึป่าวคะ? หนูจะท้องไหมค่ะ? ถ้าตรวจภายในแล้วหมอจะทราบไหม่ค่ะว่าท้องหรือไม่ท้อง? เพราะวันนั้นหมอไม่ได้เอะใจเรื่องประจำเดือนหนูเลย หนูก็ลืมถามเนื่องจากตื่นเต้นเพราะพึงเคยตรวจภายในครั้งแรก และตอนนี้หนูซื้อยาสตรีเพ้ญภาคมาทาน เพราะประจำเดือนไม่มาสักที่ หนูทานได้ไหมคะ กินไปเม็ดนึงแล้วนึกขึ้นได้ กลัวท้องแล้วเด็กจะเป็นอะไรไป

อายุ: 26 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 43 กก. ส่วนสูง: 150ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.11 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

17 กุมภาพันธ์ 2558 04:40:39 #2

เพิ่มเติมนะคะ หนูคุมโดยถุงยางคะ

Anonymous

17 กุมภาพันธ์ 2558 04:40:39 #3

เพิ่มเติมนะคะ หนูคุมโดยถุงยางคะ

รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

19 กุมภาพันธ์ 2558 15:46:49 #4

จากประวัติคุณมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักจากนั้นก็มีการสอดใส่อีกทางช่องคลอด ซึงจะทำให้เกิดความเสียงต่อากรติดเชื้อได้สูงมาก เพราะภายในทวารหนักเป็นช่องทางที่สกปรก มีแบคทีเรีย พยาธิ และโปรโตซัวมากมายที่ปนเปื้อนกับอุจจาระ ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า จึงมีความเสี่ยงสูงมากต่อการติดเชื้อภายในช่องคลอด หลังจากมีเพศสัมพันธ์เพียงไม่กี่วัน ก็จะทำให้เกิดอาการติดเชื้อได้ ซึ่งตอนนี้คุณได้รับการรักษาเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ควรปฏิบัติซ้ำอีกเรื่่อยๆ เพราะจะทำใำ้เกิดความเสี่ยงต่อการอักเสบของอวัยวะในอุ้งเชิงกราน มีอาการปวดท้องน้อยเรื้อรัง จนทำให้เกิดฝีหนองภายในอุ้งเชิงกรานและเสี่ยงต่อการมีบุตรยากเพราะมีพังผืดเรื้อรังในอุ้งเชิงกรานจากการอักเสบของมดลูกและรังไข่ขึ้นมาได้ ส่วนการที่ประจำเดือนมีความคลาดเคลื่อนออกไปจะต้องดูก่อนว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ เพราะถ้าไม่ได้คุมกำเนิดก็จะมีความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้ การตรวจภายในไม่สามารถบอกได้ว่าตั้งครรภ์หรือไม่ จะต้องตรวจปัสสาวะทดสอบการตั้งครรภ์ด้วย ส่วนเรื่องอาการตกขาวหรือการอักเสบในอุ้งเชิงกรานก็ไม่ทำให้ประจำเดือนไม่มา ส่วนยาสตรีที่ทานถ้ามีการตั้งครรภ์อยู่ก็ไม่ได้ทำให้รอบเดือนมาได้ค่ะ

Anonymous

23 กุมภาพันธ์ 2558 13:06:29 #5

ขอบคุณคุณคะคุณหมอ หนูมีเพิ่มเติมค่ะ ยาที่หมอให้มาหมอบอกว่าจะมีอาการคลื้นไส้จะเป็นเพราะฤทยา เมื่อวันที่ 17 ประจำเดือนมาแต่เป็นสักษณะสีน้ำตาลเหลว 2 วัน หลังจากนั้นเป็นเหมือนประจำเดือนปกติ  แต่ทุกเย็นจะคลื้นใส้และอาเจียรตลอด และรู้สึกมวนๆท้อง  หนูสงสัยว่าประจำเดือนมาแล้วจะท้องไหมคะ ที่อาเจียรเป็นเพราะฤทยาที่หมอให้มาแน่นอนใช่ไหมคะ   ขอบคุณคะ

รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

24 กุมภาพันธ์ 2558 12:09:30 #6

เข้าใจว่ายาที่แพทย์ให้คือยา metronidazole (flagyl) ซึ่งจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนได้มาก ถ้าทนอาการข้างเคียงไม่ไหวอาจจะลดความถี่ของการทานยาเป้น หลังอาหารเช้าเย็น แต่ทานยาให้นานมากขึ้นจนยาหมดตามแพทย์สั่ง ถ้ามีประจำเดือนมาแล้วก็ไม่ตั้งครรภ์แน่นอนค่ะ