กระดานสุขภาพ

สงสัยมากครับเรื่องยาต่างๆกับยาคุมกำเนิด
Anonymous

8 พฤศจิกายน 2557 06:39:02 #1

สวัสดีครับคุณหมอครับ ผมมีคำถามเรื่องยาคุมกับการทานยาชนิดอื่นน่ะครับ คือตอนนี้แฟนผมกิน *** แผงที่3อยู่ แล้วแฟนผมไม่สบาย เลยได้กินยา *** ยาลดเสมหะที่เป็นแบบชงกินก่อนนอนคล้ายๆเกลือแร่รสส้ม ผมจำชื่อไม่ได้
แล้วก็กินยา ลดเสมหะ+ไอ เป็นแคปซูล น่าจะชื่อ *** แฟนผมไม่ถ่ายท้องนะครับ ตอนนี้ยาแผงที่3กินไปได้17เม็ดแล้วครับผม ยาพวกนี้มันจะไปลดประสิทธิภาพยาคุมมั้ยหรอครับ ขอบคุณมากๆครับ  (รับประทานยาช่วง2ทุ่ม-4ทุ่ม ไม่เคยลืมทุกวันคับ)

อายุ: 18 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 43 กก. ส่วนสูง: 159ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.01 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

9 พฤศจิกายน 2557 09:48:24 #2

ถึง คุณ 3da0a

เนื่องจากเว็บไซต์เป็นที่สาธารณะ ดังนั้นเพื่อให้ข้อมูลเป็นเรื่องส่วนบุคคลมากที่สุด ทางทีมงานจึงทำการซ่อนชื่อจริงของผู้ถามให้นะคะ 

หากครั้งต่อไปคุณ 3da0a ต้องการปกปิดชื่อตนเอง สามารถเลือก "ไม่แสดงภาพและชื่อของผู้โพส" ทางด้านขวาเวลาตั้งกระทู้คำถามใหม่ค่ะ

และเพื่อความเหมาะสมในการใช้สื่อสาธารณะ ทาง Admin ขออนุญาตลบชื่อทางการค้าออกจากหน้าเว็บนะคะ และทาง Admin ได้ส่งเนื้อหาทั้งหมดของคำถามให้ทางคุณหมอเรียบร้อยแล้วนะคะ ดังนั้น คุณ 3da0a ยังสามารถติดตามคำตอบของคุณหมอได้เช่นเดิมค่ะ

Anonymous

9 พฤศจิกายน 2557 18:17:25 #3

ขอบคุณมากครับ

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

11 พฤศจิกายน 2557 04:38:02 #4

เรียน คุณ 3da0a,
ขอแนะนำแนวทาง 2 แนวครับ
1. ขอตอบเฉพาะตัวยาที่คุณทราบชื่อแน่นอนนะครับ พาราเซตามอล และยาผงละลายเพื่อลดเสมหะนั้น ไม่พบว่ามีปฏิกิริยาใดกับการรับประทานยาคุมกำเนิดครับ ส่วนตัวยาแคปซูล GDH-500 น่าจะเป็นยาปฏิชีวนะมากกว่านะครับ ซึ่งจะส่งผลให้ระดับยาคุมกำเนิดในเลือดลดต่ำลงได้ ดังนั้นต้องใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัยร่วมด้วย หากต้องการมีเพศสัมพันธ์ ทั้งขณะที่รับประทานยาอยู่และหลังจากรับประทานยาหมดแล้วอีก 3-5 วัน ซึ่งภาวะระดับยาในเลือดที่ลดต่ำลง อาจสังเกตได้จากเกิดภาวะเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างเดือน
2. ช่วงที่แฟนคุณไม่สบาย ควรระวังสุขภาพทั้งของตัวคุณและแฟนคุณ ควรงดมีเพศสัมพันธ์ เพื่อให้ร่างกายแฟนคุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ จะได้หายไว ๆ อีกประการคุณจะลดโอกาสในการติดเชื้อไข้หวัดจากแฟนคุณอีกด้วย
ขอแนะนำเพิ่มเติม หากคุณยังไม่ได้แต่งงาน แนะนำให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัยจะดีกว่านะครับ เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์และป้องกันการติดต่อโรคทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน พยาธิในช่องคลอด ไวรัสตับอักเสบ บี หรือซึ หรือร้ายสุดคือเอดส์ ที่ปัจจุบันยังไม่มีทางรักษา รวมถึงยังช่วยป้องกันไวรัสเอชพีวี (HPV - human Papilloma Virus) ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งองคชาติในเพศชาย เพียงแต่ต้องเลือกใช้ถุงยางอนามัยอย่างถูกต้อง เหมาะสม ไม่เลือกขนาดที่เล็กเกินไปจนเสียดสีขาดง่าย หรือใหญ่เกินไปจนหลวมหลุดง่าย
เวลาสวมถุงยางอนามัย ต้องบีบช่วงปลายที่เป็นกระเปาะเก็บน้ำอสุจิ ไม่ให้มีอากาศ ซึ่งจะทำให้ถุงยางอนามัยฉีกขาดได้ง่ายและแฟนคุณก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน และไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายด้านยาอีกด้วย
หากมีขอ้สงสัยเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามจากเภสัชกรโรงพยาบาลหรือเภสัชกรร้านยาที่คุณไปซื้อยามาจะดีที่สุดครับ เพื่อเป็นการป้องกันไว้ดีกว่าแก้ครับ การรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ อาจช้าไม่ทันการ อาจเกิดอันตรายต่อแฟนคุณหรือเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ได้
เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล


แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่ ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill) แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์ ยาที่ลดประสิทธิภาพยาคุมกำเนิด (List of common medications that reduce efficacy of birth control medications) ภก. กรชัย ฉันทจิรธรรม เภสัชกร

Anonymous

11 พฤศจิกายน 2557 18:41:08 #5

ขอบคุณมากๆครับคุณหมอ  เรื่องถุงยางอนามัย การใช้ถุงยางอนามัยจะคุมกำเนิดได้ผลดีกว่ายาคุมกำเนิดหรอครับ  ผมกับแฟนมีอะไรกันบ่อยมากครับ แหะๆ แต่เรื่อง HIV หรือ โรคต่างๆนี่ผมไม่กลัวเลยครับ เพราะผมทั้งคู่ไม่มีใครไปมีอะไรกับคนอื่นแน่นอนคับ  แล้วก็รักษษความสะอาดกันอย่างเต็มที่มากครับ   

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

12 พฤศจิกายน 2557 13:44:50 #6

เรียน คุณ 3da0a,
อัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์พอ ๆกันนะครับ ถ้าใช้ได้อย่างถูกต้อง คือ ประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ แต่ถุงยางอนามัยยังช่วยป้องกันการติดเชื้อไวรัส เอชพีวี กลับไปมา ซึ่งเชื้อนี้ติดจากการมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งถ้ามีเพศสัมพันธ์ตั้้ืงแต่อายุยังน้อย ยิ่งกระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากมดลูกยิ่งมาก รวมถึงมะเร็งองคชาติด้วยหรือหากคุณไม่สะดวกใจ จะให้แฟนรับประทานยาคุมกำเนิดต่อไปก็ได้ แต่ต้องมีการตรวจสุขภาพทกุปี เพื่อดูความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติต่ออวัยวะต่าง ๆเช่น เต้านม มดลูกหรือรังไข่ รวมถึงตรวจการทำงานของตับหรือไต และควรหยุดยาคุมกำเนิดทันทีถ้ามีอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ เช่น มีอาการหอบเหนื่อยมาก ปวดศีรษะโดยไม่ทราบสาเหตุ มือเท้าชา ขาบวม มีเลือดประจำเดือนออกมากหรือนานผิดกว่าปกติ ฯ
เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล