กระดานสุขภาพ

แฟนทานยาคุมฉุกเฉนทานมาแล้ว 2 ครั้งในชีวิต จะเป็นผลเสียอย่างไรครับ
Drag*****n

8 พฤศจิกายน 2557 02:51:46 #1

อยากทราบว่าหากทานยุคุมฉุกเฉน 2 ครั้งในชีวิตจะเป็นอะไรไหม เพราะผมเห็นข้อความบางข้อความว่าทั้งชีวิตควรทานครั้งเดียว

ผมมีอะไรกับแฟนตอนนั้นช่วงเดือนสิงหาคมทางยาคุมฉุกเฉินครั้งแรกเพราะสอดใส่แบบไม่ได้ตั้งใจ(หลังเป็นประจำเดือน)


และครั้งที่สองคือวันที่ 8 พฤษจิกายน ทานอีกครั้งเพราะถุงยางแตก(ก่อนมีประจำเดือน)


อยากทราบว่าแฟนผมจะมีผลข้างเคียงไหมครับหรือเป็นอะไรไหมเพราะห่วงแฟนมากไม่อยากให้ทานอีก ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ

อายุ: 23 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 60 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.76 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

10 พฤศจิกายน 2557 03:41:20 #2

เรียน คุณ dragoonmon,

ขอแยกตอบเป็นสองประเด็นนะครับ คือ

1. ข้อมูลของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ตัวยาสำคัญ คือ levonorgestrel 1,500 ไมโครกรัม (ซึ่งเป็นฮอร์โมนโปรเจสติน)

ข้อบ่งใช้คือ ใช้เมื่อไม่สามารถใช้วิธีการคุมกำเนิดปกติได้ เช่น เมื่อถุงยางอนามัยแตกหรือฉีกขาด หรือเมื่อถูกข่มขืน
** ไม่ควรใช้แทนยาคุมกำเนิดปกติ เนื่องจากมีปริมาณฮอร์โมนค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับยาคุมกำเนิดปกติ (ซึ่งมีปริมาณฮอร์โมนเพียง 50-75 ไมโครกรัมต่อเม็ดเท่านั้น) และมีอัตราเสี่ยงในการตั้งครรภ์สูงกว่ายาคุมกำเนิดแบบปกติ (ยาคุมฉุกเฉิน 8-15 เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบกับ ยาคุมกำเนิดปกติ 1-8 เปอร์เซ็นต์)

กลไกการออกฤทธิ์ของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน คือ

  • ทำให้มูกที่ปากมดลูกข้นเหนียว เพื่อลดปริมาณอสุจิที่จะผ่านเข้าไปในมดลูก
  • ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวช้าลง ลดโอกาสที่ไข่จะมาพบกับอสุจิ
  • ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาหรือบางผิดปกติ เพื่อลดโอกาสที่ตัวอ่อน (หากมีการผสมของไข่กับอสุจิ) จะมาฝังตัวและเจริญเติบโตต่อไปได้

วิธีการรับประทานที่ถูกตอ้ง คือ ต้องรับประทานยาภายใน 72 ชั่วโมงหลังจากมีเพศสัมพันธ์ โดยสามารถรับประทานยาได้ 2 แบบ คือ

ก. รับประทานยา 1 เม็ดทันที จากนั้นอีก 12 ชั่วโมง จึงรับประทานยาเม็ดที่สอง
ข้อดี คือ อาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดมวนท้อง จะน้อยกว่า แต่ข้อเสีย คืออาจลืมรับประทานยา

ข. รับประทานยาพร้อมกัน 2 เม็ดทันที ข้อดี คือไม่ต้องกังวลเรื่องการลืมรับประทานยา แต่อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดมวนแน่นท้องมากกว่าวิธีแรก

อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา - เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดมวนท้อง เลือดประจำเดือนผิดปกติ (มาช้าหรือไม่มา/มาปริมาณน้อย หรือมากะปริบกะปรอย)

ข้อควรระวัง - จากบริษัทยา คือ ไม่ควรรับประทานยาเกิน 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการตกเลือดในช่องท้อง เหตุจากการตั้งครรภ์นอกมดลูก (ท่อนำไข่บีบตัวช้า) แต่จากการศึกษาวิจัยย้อนหลังพบว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมากเกินกว่า "3 ครั้ง ตลอดชีวิต" พบว่าจะมีอัตราเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่ออวัยวะต่าง ๆสูงหลายเท่ามากกว่าสตรีที่ได้รับยาคุมกำเนิดปกติหรือไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิดมาก่อน เช่น มะเร็งเต้านม หรือ มะเร็งมดลูกหรือรังไข่ หรือมะเร็งตับ เป็นต้น

2. การสอดใส่หลังเป็นประจำเดือน โอกาสในการตั้งครรภ์ค่อนข้างน้อย เนื่องจากรังไข่ยังไม่มีการทำงาน จึงไม่จำเป็นต้องรับประทานยา ส่วนการสวมถุงยางอนามัยต้องสวมอย่างถูกต้อง ทั้งการเลือกขนาด (48, 49 และ 52 มิลลิเมตร) ไม่คับหรือหลวมเกินไป ต้องบีบช่วงปลายซึ่งเป็นกระเปาะสำหรับเก็บอสุจิ ไม่ให้มีอากาศภายใน จะลดการเสียดสีได้
น้ำยาหล่อลื่นต้องเป็นสูตรน้ำ ห้ามใช้เป็นครีมหรือน้ำมัน จะทำให้ฉีกขาดได้ง่าย
หากคุณแต่งงานแล้ว ต้องการคุมกำเนิด แนะนำให้แฟนคุณรับประทานยาคุมกำเนิดปกติจะดีกว่าครับ นอกจากช่วยคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยปรับรอบประจำเดือนให้สม่ำเสมอ เมื่อหยุดรับประทานยาจะได้มีโอกาสตั้งครรภ์ดีกว่าครับ ทราบเวลาแน่นอนในการมีประจำเดือน หากคุณยังไม่แต่งงาน มีเพศสัมพันธ์นาน ๆครั้ง อาจเลือกใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัยจะดีกว่า นอกจากช่วยคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย เช่น โรคหนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน หูดหงอนไก่ พยาธิในช่องคลอด ไวรัสตับอักเสบ บี หรือ ซี หรือโชคร้ายสุดคือ เอดส์ ที่ปัจจุบันยังไม่มียารักษา นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไวรัส เอชพีวี (HPV - Human Papilloma Virus) ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง และมะเร็งองคชาติในเพศชายได้อีกด้วย

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

การคุมกำเนิด (Contraception) โดย แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา (สูตินรีแพทย์)