กระดานสุขภาพ

ผู้ที่เคยทานยาคุมฉุกเฉิน จะทำให้อนาคตมีบุตรยากจริงๆเหรอคะ
Anonymous

16 มิถุนายน 2557 09:16:46 #1

คือเคยทานยาคุมฉุกเฉินไป หลังจากนั้นประจำเดือนมาไม่ปกติเลย กังวลว่าอนาคตจะมีบุตรยากน่ะค่ะ เลยอยากทราบว่า การทานยาคุมฉุกเฉินมีผลข้างเคียงให้อนาคตมีลูกยากรึเปล่าคะ พอดีอ่านเจอมาแต่ไม่แน่ใจ ขอบคุณค่ะ 

อายุ: 16 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 48 กก. ส่วนสูง: 156ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.72 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

17 มิถุนายน 2557 16:00:24 #2

เรียน คุณ b8389,

การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ในทางการแพทย์มีการใช้ 2 แบบเท่านั้น คือ เมื่อถุงยางอนามัยมีการฉีกขาด รั่วซึม หรือเมื่อถูกข่มขืน และไม่ต้องการให้ตั้งครรภ์

ตัวยาประกอบด้วยฮอร์โมน Progestin ปริมาณสูง (1500 ไมโครกรัม เมื่อเทียบกับยาคุมกำเนิดทั่วไป 50-75 ไมโครกรัม)

การออกฤทธิ์ของยานี้ คือ

  1. ฮอร์โมนจะทำให้เยื่อเมือกที่ปากมดลูกมีความข้นเหนียว ลดโอกาสที่อสุจิจะผ่านเข้าไปในมดลูก
  2. ทำให้ท่อนำไข่มีการบีบตัวช้าลง ทำให้ลดโอกาสที่ไข่จะมาผสมกับอสุจิ
  3. ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวจนไม่เหมาะสมกับการที่ตัวอ่อนจะมาฝังตัว

จากข้อมูลของบริษัทยาคือ ไม่แนะนำให้ใช้มากเกินกว่า 2 กล่องต่อเดือน เนื่องจากทำให้ประจำเดือนมาผิดปกติ หรือ ไม่มาเลย 2-3 เดือน หรืออาจเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก แต่จากข้อมูลการศึกษาวิจัย พบว่าสตรีที่ได้รับยานี้ "มากเกินกว่า 3 ครั้ง ตลอดชีวิต" จะมีโอกาสเสี่ยงในการเกิดมะเร็งมากกว่าหลายเท่า เมื่อเปรียบเทียบกับสตรีที่ไม่เคยได้รับยาคุมกำเนิด หรือ ที่เคยได้รับยาคุมกำเนิดชนิดปกติทั่วไป ที่พบได้มากคือ มะเร็งเต้านม รังไข่ มดลูก หรือมะเร็งตับ เป็นต้น
เนื่องจากคุณอายุยังน้อย มีโอกาสที่ประจำเดือนจะมาคลาดเคลื่อน เนื่องจากรังไข่ที่เป็นแหล่งสร้างฮอร์โมนเพศยังทำงานไม่เต็มที่ และเมื่อได้รับยาคุมกำเนิดฉุกเฉินยิ่งทำให้รังไข่ทำงานน้อยลงกว่าเดิม จนอาจประจำเดือนคลาดเคลื่อนเพิ่มขึ้น

หากจำเป็นต้องมีเพศสัมพันธ์ แนะนำให้ใช้วิธีการสวมถุงยางอนามัย นอกจากป้องกัน "ลูก" แล้วยังป้องกัน "โรค"ติดต่อทางเพศสัมพันธ์อีกด้วย ทั้งเชื้อหนองใน ซิฟิลิส แผลริมอ่อน เชื้อพยาธิในช่องคลอด ตับอักเสบบีและซี เริม หรือหากโชคร้ายได้รับเชื้อ เอชไอวี (เอดส์) ที่รักษาไม่หาย นอกจากนี้ยังป้องกันไวรัส HPV ซึ่งเป็นสาเหตุของหูด หงอนไก่ รวมถึงมะเร็งปากมดลูกด้วย

ดังนั้น คุณต้องรักตัวเองมากกว่านะครับ หากอยากจะเป็น "สไปรท์" จะให้กิน ต้องใส่ถุงนะครับ
ตัวคุณ ลูก หรือ โรค คุณเลือกได้

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเรา

  • การคุมกำเนิด (Contraception) โดย แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา (สูตินรีแพทย์)
  • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กามโรค (STD: Sexually transmitted disease) โดย รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง วรลักษณ์ สมบูรณ์พร (สูตินรีแพทย์)
  • เอชพีวี โรคติดเชื้อเอชพีวี (HPV infection) โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์ (วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์)
Anonymous

17 มิถุนายน 2557 22:30:39 #3

ขออภัยค่ะคุณหมอ พลาดแล้วจริงๆ :( แล้วยาคุมฉุกเฉินทำให้อนาคตมีลูกยากจริงหรือเปล่าคะ 

อาการประจำเดือนมาไม่ปกติจะรักษาหายมั้ย

ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

19 มิถุนายน 2557 13:43:14 #4

เรียน คุณ b8389,

ขออภัยนะครับ คำถามนี้คงตอบยาก เนื่องจากเวลายังอีกยาวไกล คุณอาจมีปัญหาเรื่องรังไข่ ท่อนำไข่ หรือเยื่อบุโพรงมดลูกเองอยู่แล้ว หรือหากมีการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพิ่มเติม ทำให้เกิดโรคติดเชื้อในอุ้งเชิงกรานเสริม ก็อาจทำให้มีอาการอักเสบติดเชื้อ บางรายอาจมีการติดเชื้อลุกลามจาอาจต้องตัดมดลูกหรือรังไข่ทิ้ง ภาวะมีบุตรยาก นี้ก็ไม่เกี่ยวกับการรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน แต่เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน หลังจากนี้ก็ต้องใช้วิธืการคุมกำนิดด้วยการสวมถุงยางอนามัย ซึ่งนอกจากช่วยเรื่องคุมกำเนิดแล้ว ยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่มักเป็นสาเหตุของการติดเชื้อภายในอุ้งเชิงกราน หรือเอดส์

ส่วนอาการประจำเดือนมาคลาดเคลื่อน หากคุณไม่มีความผิดปกติทางกายภาพอื่นใด มาตั้งแต่ต้น โดยทั่วไปร่างกายจะค่อยๆปรับฮอร์โมนเพศภายในร่างกาวให้กลับสู่ภาวะปกติได้เอง ประมาณ 2-3เดือน

หากเลยกำหนด 3 เดือน แล้วประจำเดือนยังมีอาการผิดปกติ หรือรอบประจำเดือนมามาก หรือเลือดประจำเดือนมามากกว่าปกติ หรือประจำเดือนไม่มาตามกำหนด 2- 3 เดือน แนะนำให้พบสูตินรีแพทย์ เพื่อรักษาที่ต้นเหตุต่อไป
ภาวะประจำเดือนมาคลาดเคลื่อน นอกจากสาเหตุเรื่องทางกายภาพแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับเรื่องอาหาร การออกกำลังกาย การนอนพักผ่อนที่เพียงพ ลดความเครียด เนื่องจากร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนสเตีรอยด์ซึ่งเป็นสารต้านความเครียด ทำให้ร่างกายมีการเก็บกักกสารอาหาร เช่นโปรตีน ไขมัน น้ำตาล รวมถึงลดสิ่งที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพอยู่ เช่นฮอร์โมนเพศ การตกไข่ เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตแม่ได้ จึงพบว่าสตรี มีภาวะคายด เรียน งาน ชีวิตส่วนตัว มักมีประจำเดือนไม่ส ำเสมอหรือบางราย าจมีรอบประจำเดือนยาวกว่าปกติ ( ปกติประมาณ 28 วัน) บางรายพบว่าประจำเดือนมาเพียงปีละสองครั้ง เนื่องจากภาวะเครียด ทั้งเรื่องงาน เรียน อดอาหาร อดนอนฯ ดังนั้นหากประจำเดือนยังคงไม่มาตามปกติ แนะนำให้พบสูตินรีแพทย์ เพื่อทำการตรวจรักษาโดยละเอียดต่อไป

อย่าลืมนะครับ รักตัวเองให้มาก ไม่เช่นนั้นถ้าคุณเป็นสไปรท์แบบไม่ใส่ถุง อาจจะได้แถมทั้งลูกบวกโรคมาโดยที่ไม่รู้ตัว ส่วนที่พลาดไปแล้ว คงแก้ไขอะไรไม่ได้

ดูแลสุขภาพตนเองดีที่สุดครับ

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

 

Anonymous

19 มิถุนายน 2557 16:22:26 #5

ขอบคุณมากนะคะคุณเภสัช จริงๆตอนนั้นไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเพศสัมพันธ์ดีมั้ย แต่ไม่เคยสอดใส่ผ่านอวัยวะเพศกันเลยค่ะ โอกาสติดเชิ้ออาจจะมีแต่ก็น้อย ส่วนเรื่องประจำเดือนไม่ปกติ ได้ไปปรึกษาคุณหมอมาแล้วร่ะที่รพ. คุณหมอบอกให้รอดูอาการก่อนค่ะ ไม่ก็จะได้ทานยาคุม 28 เม็ดเพื่อปรับ แต่ขอรอดูอาการก่อน ถ้าหายเได้กผ้ไม่อยากทานยาคมค่ะ กลัวมีผลเสียเพราะยังแายุน้อยอยู่ 

ขออภัยที่พิมผิดเยอะค่ะ กดแก้ไขไม่ได้

Fas2*****3

16 มิถุนายน 2561 17:46:42 #6

มีวิธีรักษาวิธีแก้หรือปล่าวคะ
Fas2*****3

16 มิถุนายน 2561 17:49:59 #7

อยากมีบุตรค่ะ แต่เมื่อก่อนทานยาคุมไปเกือบ10ครั้ง แล้วมีบุตรยากเกี่ยวกันไหมคะ แล้วรักษายังไงคะ