กระดานสุขภาพ

ยาlevofloxacin สามารถทำให้่ลิ้นเป็นฝ้าได้ไหมครับ
Ther*****h

4 มิถุนายน 2557 13:26:18 #1

ผมทานยา levofloxacin  500 mg มา 10 วัน แล้ว รู้สึกลิ้นเป็นฝ้ามากขึ้น ผมขอสอบถามว่าเกี่ยวไหมครับ

อายุ: 25 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 75 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.95 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

5 มิถุนายน 2557 05:11:22 #2

เรียน คุณ theripple.ith,

ตัวยา levofloxacin เป็นยาปฏิชีวนะที่มีฤทธิ์ครอบคลุมเชื้อแบคทีเรียกว้าง (Broad spectrum) สามารถใชักับการติดเชื้อแบคทีเรียได้หลายอวัยวะ ทั้งทางเดินหายใจและทางเดินปัสสาวะระยะเวลาการใช้มีได้ตั้งแต่ 3 วันในอาการติดเชื้อไม่รุนแรง หรือที่เป็นรุนแรง อาจจำเป็นต้องรับประทานยาเวลา 10-14 วัน ในปัจจุบันมีการนำมาใช้รักษาเชื้อวัณโรคดื้อยาด้วย ซึ่งอาจต้องรับประทานยาติดต่อกันเป็นเวลานานหลายเดือนสอบถามมาว่ายานี้อาจเป็นสาเหตุของการที่ลิ้นเป็นฝ้าขาวได้หรือไม่ ตอบได้ว่าอาจได้และไม่ได้ เนื่องจากขึ้นกับปัจจัยของบุคคลและโรคที่เป็นร่วมด้วย เช่น หากมีภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ เชื้อราซึ่งเป็นเชื้อประจำถิ่น ก็จะเจริญเติบโตได้ (เนื่องจากตัวยากำจัดเชื้อแบคทีเรียดี เชื้อประจำถิ่น หรือ Normal Flora จนหมด) หรือในบางโรคก็อาจมีการติดเชื้อฉวยโอกาส เช่น เชื้อราได้ง่ายกว่าปกติ

ดังนั้นแนะนำให้สอบถามจากแพทย์ผู้ทำการรักษาจะดีกว่านะครับ เนื่องจากต้องอาศัยข้อมูลการตรวจรักษาหลายประการ เช่น เป็นโรคที่จำเป็นต้องรับประทานยาติดต่อกันนาน หรือมีเชื้อฉวยโอกาสติดเชื้อเพิ่มเติมจากโรคที่รักษาอยู่ หรือไม่ใช่ฝ้าขาวจากเชื้อรา แต่เป็นการระคายเคืองจากการแพ้ยา อาหาร สารเคมี เช่น ในบางรายพบว่าแพ้สับปะรด ลิ้นเป็นฝ้าขาวและลอกก็มี หรือในบางรายแพ้โลชั่น เนื่องจากชอบกัดเล็บ เมื่อทาโลชั่นที่มือ แล้วทำให้เกิดการระคายเคืองได้
การดูแลความสะอาดในช่องปากเป็นสิ่งสำคัญ หากต้องมีการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง เช่น แปรงฟันแล้วต้องแปรงลิ้นด้วย โดยให้ถึงโคนลิ้น อาจใช้แปรงสีฟัน บางยี่ห้อเป็นตุ่มยางนูน หรือในร้านยาจะมีที่ขูดลิ้น เป็นพลาสติกแบน ๆ มีช่องตรงกลาง ใช้ขูดทำความสะอาดลิ้นเบา ๆ

- งดใช้น้ำยาบ้วนปากฆ่าเชื้อ ให้ใช้น้ำเกลืออุ่น ๆ บ้วนปากกลั้วคอบ่อย ๆแทน ไม่จำเป็นต้องซื้อสำเร็จรูป ใช้น้ำอุ่นครึ่งแก้ว ผสมเกลือประมาณครึ่งช้อนชา คนให้ละลายดี กลั้วคอบ้วนปากแล้วบ้วนทิ้ง

- รับประทานอาหารปรุงสุกใหม่ เน้นผัก ผลไม้ ที่มีรสไม่หวานจัด หรืออาจรับประทานวิตามิน ซี 500-1000 มิลลิกรัมต่อวัน เสริม เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกายให้ดีขึ้น รับประทานโยเกิร์ตหรือนมเปรี้ยวที่มีเชื้อจุลินทรีย์ดี พวกที่มี แลคโตบาซิลลัส เป็นต้น ไม่ใช่แบบที่เป็นกล่องยูเอชที แบบนั้นเป็นการผสมน้ำผลไม้ หากไม่บ้วนปากแปรงฟันให้ดีหลังการดื่ม
กลับยิ่งจะเป็นการเพิ่มอาหารให้กับเชื้อรา รับประทานวันละ 2 กระป๋องหรือ 2 ขวด จะเป็นการเพิ่มเชื้อประจำถิ่นให้ทางเดินอาหาร

- แยกจานชาม ของใช้จากผู้อื่น เนื่องจากลดการแพร่กระจาย และการรับเชื้อ

เป็นกำลังใจให้ครับ

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล