กระดานสุขภาพ

กินยาคุมฉุกเฉิน ในวันที่มีโอากาสเป็นวันตกไข่ จะท้องไหมครับ
Ella*****e

1 มิถุนายน 2557 15:50:28 #1

คือผม มีเพศสัมพันธ์กับแฟน วันที่ 31 มิถุนายน ที่ผ่านมาครับ ซึ่งก่อนหน้านี้ประจำเดือนแฟนผมมาวันแรกคือวันที่ 17 มิถุนายน

เดือนก่อนหน้าเป็นวันที่ 14 เมษายน    แล้วได้ หลั่งใน  ต่อจากนั้นไม่ถึง ชม ก็กินยาคุมฉุกเฉินทันที ภายในไม่ถึง 1 ชม และต่อจากนั้น อีก 12 ชม ตามลำดับ อยากถามว่า  กรณนี้ ยาคุมฉุกเฉินจะทำงานปกติ ทำให้ไม่เกิดอาการ ตั้งครรห์ ใช่ไหมครับ รบกวนด้วยนะครับ ขอบคุณครัับบ

อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 47 กก. ส่วนสูง: 152ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.34 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

3 มิถุนายน 2557 00:44:49 #2

เรียน คุณ elladodge

การรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ไม่ขึ้นกับวันที่มีไข่ตกหรือไม่ครับ จากที่คุณแจ้งมารับประทานยาถูกต้องแล้วครับ ตามข้อมูล โอกาสเสี่ยงในการตั้งครรภ์ประมาณ 1% ข้อมูลที่ให้มา คุณคงหมายถึง ประจำเดือนมาวันแรก 17 พฤษภาคม และมีเพศสัมพันธ์วันที 31 พฤษภาคม 2557 ที่ผ่านมา หากยังไม่ได้แต่งงานและต้องการมีเพศสัมพันธ์ กรณีแฟนคุณสะดวกในการรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดปกติ จะดีกว่านะครับ เนื่องจากยาคุมกำเนิดฉุกเฉินปริมาณฮอร์โมนสูงกว่าทั่วไปมากหลายเท่า (ชนิดปกติประมาณ 50-75 ไมโครกรัม แต่ยาคุมกำเนิดฉุกเฉฺิน 2 เม็ด คือ 1500 ไมโครกรัม) จึงให้ใช้เมื่อถุงยางอนามัยฉีกขาด รั่วซึม หรือเมื่อถูกข่มขืนเท่านั้น กลไกการออกฤทธิ์ของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน คือ

1. ทำให้มูกที่ปากช่องคลอดข้นเหนียว อสุจิผ่านเข้าไปได้ยาก

2. ทำให้ท่อนำไข่บีบตัวช้าหรือน้อยลง จนไข่อาจมาผสมกับอสุจิช้าลง หรือไม่ได้ผสมกัน

3. ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวมาก จนไข่ที่ผสมแล้ว ไม่สามารถมาฝังตัวได้ หรือฝังตัวได้ไม่ดี

ข้อมูลของบริษัทยาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่แนะนำคือ ไม่ควรรับประทานเกิน 2 ชุดต่อเดือน เนื่องจากอาจทำให้เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก หรือประจำเดือนมาไม่ปกติได้ แต่จากข้อมูลการศึกษาวิจัยย้อนหลัง พบว่าในหญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเกิน 3 ชุด "ตลอดชีวิต" พบว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งมากกว่าสตรีที่ไม่เคยได้รับยาคุมฉุกเฉินมาก่อน เช่นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ มะเร็งมดลูก หรือมะเร็งตับ มากกว่าทั่วไปหลายเท่าครับ ดังนั้นช่วงที่ยังไม่ได้แต่งงาน แนะนำให้ใช้วิธีสวมถุงยางอนามัย จะได้คุมกำเนิด และป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย เช่น ซิฟิลิส หนองใน แผลริมอ่อน เริม ตับอักเสบ บี ซี พยาธิในช่องคลอด รวมถึงเอดส์ด้วย นอกจากนั้นยังพบว่าช่วยลดการติดเชื้อไวรัส HPV ซึ่งเป็นไวรัสที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งปากช่องคลอด หรือหูดหงอนไก่ในผู้ชายอีกด้วย

หากรักแฟนคุณจริง จะได้ไม่ต้องรับประทานฮอร์โมนโดยไม่จำเป็น "จะกินสไปรท์ให้อร่อย ต้องใส่ถุงนะครับ"

 

เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล

แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเรา

การคุมกำเนิด (Contraception) โดยแพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา สูตินรีแพทย์

 

การคุมกำเนิดด้วยยาฆ่าอสุจิ การคุมกำเนิดด้วยสารฆ่าอสุจิ (Spermicidal contracep tion)

การติดเชื้อเอชพีวีอวัยวะเพศหญิง (Gential HPV in women)

โดยรองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ สูตินรีแพทย์