ดูจากรูป น่าจะเป็oโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

1. ถ้ามีประวัติว่าก่อนเป็นแผลประมาณ 5-10 วัน มีพฤติกรรมเสี่ยงคือมีการร่วมเพศโดยไม่ใช้ถุงยาง แผลที่เห็นอาจจะเป็นเริม ซึ่งเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด จากเชื้อไวรัส Herpes simplex ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ เมื่อมีการกระตุ้น เช่นการร่วมเพศ การช่วยตัวเอง ก็จะเป็นซ้ำ โดยอาจมีอาการปวด เสียว บริเวณผิวหนังก่อนที่จะเป็นแผล แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรงและหายเองได้ ต้องระวังการมีเพศสัมพันธ์ เพราะจะติดต่อได้ง่าย

หรือ 2. แผลซิฟิลิส จะเป็นหลังจากมีความเสี่ยงประมาณ 10 วันขึ้นไป แผลจะมีขอบแข็ง ไม่เจ็บ มีต่อมนำเหลืองขาหนีบโต ไม่เจ็บ ต้องตรวจเชื้อที่แผลพร้อมกับการตรวตจเลือดหาเชื้อซิฟิลิส RPR ประกอบการวินิจฉัย รักษาโดยการฉีดยา Benzathine penicillin

แนะนำหาหมอด่วนเลยครับ

นพ. อนุพงศ์

อ่อครับ ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ทีครับผม

ต่อมขาหนีบไม่ได้โตด้วย คุณหมอคิดว่าควรซื้อยาaciclovirมากินใช่มั้ยคับ

มีอารการแบบว่าไข้ขึ้นบ้างลดบ้างมึนหัว ตอนผมอาบน้ำแล้วน้ำไปโดนทีบริเวณแผลที่เป็นในรูป มันรู้สึกแสบ กลางคืนอวัยวะเพศเริ่มขยายตัว มันจะเจ็บแต่ไม่มาก

ถ้าแน่ใจว่าไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งออรัลเซ็กส์ ก็ไม่น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในกรณีนี้อาจเป็นแผลจากการแพ้ยา ลองนึกดูว่าก่อนเป็นแผลมีกินยาอะไรหรือไม่ เช่นยาแก้อักเสบ ยาชุด ถ้ามีต้องหยุดกิน และกินยาแก้แพ้ เช่น atarax 10 มิลลิกรัม เช้าเย็น ใช้น้ำเกลือล้างแผล น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ถ้าไม่แน่ใจ แนะนำหาหมอโรคผิวหนัง สำหรับยา acyclovir เป็นยารักษาเริม ถ้าแน่ใจว่าไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ ก็ไม่จำเป็นต้องกิน

ไปหาหมอมาแล้ว หมอบอกว่า เป็นแผลอักเสบ คับ