กระดานสุขภาพ

ขอสอบถามครับ
Sres*****r

14 พฤศจิกายน 2556 10:43:30 #1

คุณหมอครับ การสวนแป้งแบเรียมเอกซ์เรย์ ผลความแม่นยำขนาดไหนครับ  คือผมมีอาการถ่ายผิดปกติมา 3 เดือนแล้วครับ

เริ่มจากครั้งแรกถ่ายเป็นเลือดปนอุจจาระ 1 ครั้ง แล้วหลังจากนั้นอุจจาระผมก็ผิดปกติมาตลอดทั้งท้องเสีย ท้องผูก สลับกันไปมา ถ่ายเป็นมูก ปวดท้อง คลื่นไส้ น้ำหนักลดมา3โลกว่า ผมทำมาหมดแล้วครับตรวจเลือดในอุจจาระ สวนแป้งแบเรียมเอกซ์เรย์ คือคุณหมอเค้าบอกว่าไม่มีแผล ไม่มีก้อนเนื้อ แต่อาการผมมันยังไม่หายเลยครับ มันยังท้องผูก คือช่วงหลังๆนี้ผมไม่ท้องเสียแล้วครับแต่ว่าท้องผูกบ่อยครับ แล้วมันก็มีเมือกสีขาวๆครับเคลือบมาตลอด กลิ่นอุจจาระมันก็เหม็นแปลกๆครับ เวลาที่ท้องไม่ผูกถ่ายอาหารมักจะไม่ย่อยเศษอาหารที่ทานเยอะมากครับ สีมันจะออกเหลืองแบบอ่อนมากๆ คือผมอยากรู้ว่าอาการตรงนี้ผมเป็นโรคอะไรครับ แล้วผลของการสวนแบเรียมเอกซ์เรย์ เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหนครับ ผมควรไปส่องกล้องลำไส้ใหญ่หรือเปล่าครับ คือผมกลัวเป็นมะเร็ง เพราะอาการมันไม่หายสักทีครับ

อายุ: 21 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 42 กก. ส่วนสูง: 173ซม. ดัชนีมวลกาย : 14.03 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์

(วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์)

15 พฤศจิกายน 2556 13:02:38 #2

ในการวินิจฉัยโรค จะประกอบด้วยประวัติอาการผู้ป่วย การตรวจร่างกาย และการตรวจสืบค้นเพิ่มเติมต่างๆ (ของคุณคือการสวนแป้ง ที่ความแม่นยำของการตรวจขึ้นกับปัจจัยหลายอย่างมาก เช่น ถ้าเป็นลำไส้ใหญ่อักเสบ ความแม่นยำจะต่ำกว่าการเป็นก้อนเนื้อ แต่การมีก้อนเนื้อก็ยังขึ้นกับว่าก้อนขนาดเล็กหรือใหญ่ เป็นต้น กรณีคุณจึงบอกไม่ได้ว่า การตรวจมีผลแม่นยำขนาดไหน) ซึ่งรวมทั้ง 3 ประการแล้ว การวินิจฉัยโรคถึงจะแม่นยำในระดับ 90% ขึ้นไป ซึ่งจากอาการคุณน่าจะมีปัญหาที่ลำไส้ใหญ่มากที่สุด

แต่คุณได้ตรวจการสวนแป้งมาแล้ว ผลปกติ อาการของคุณคล้ายมีลำไส้อักเสบมากกว่า

แนะนำคุณกลับไปพบแพทย์โรงพยาบาลเดิม เพื่อปรึกษาแพทย์ว่า อาการคุณไม่ดีขึ้น คุณควรจะทำอย่างไรต่อไปและคุณมีข้อบ่งชี้ที่จะตรวจลำไส้ใหญ่ด้วยการส่องกล้องไหม เพราะขณะนี้น้ำหนักคุณอยู่ในเกณฑ์ผอมมากจริงๆ ซึ่งถ้ามาผอมช่วงมีอาการ ก็จำเป็นที่คุณต้องได้รับการตรวจรักษาอย่างจริงจังคะ

 

พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์

Sres*****r

16 พฤศจิกายน 2556 11:32:55 #3

คือเมื่อวานนี้ผมไปส่องกล้องกระเพราะอาหารมาครับ(ไม่ใช่ รพ เดิมครับ) ผลคือ กระเพราะมันเป็นสีแดงๆครับ คุณหมอบอกว่ามันอักเสบแล้วก็ติดเชื้อ ให้ยาฆ่าเชื้อมาทานครับ ตัวนี้ครับCLARITHROMYCIN พอทานแล้วมันรู้สึกขมปากแปลกๆน้ำลายก็ขม แล้วก็รู้สึกเหมือนบ้านหมุนด้วยครับ อาการนี้แพ้ยาหรือเป็นผลข้างเคียงครับ แล้วก็โรคนี้หรือเปล่าครับที่ทำให้น้ำหนักลด แล้วก็อุจจาระที่ผิดปกติ ขอบคุณสำหรับคำตอบมากครับ

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์

(วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์)

17 พฤศจิกายน 2556 03:04:44 #4

ยาที่แพทย์ให้มาเป็นยาปฏิชีวนะ อาการที่คุณเล่ามาเกิดจากอาการข้างเคียงของยาตัวนี้ได้ อาการน้ำลายขมคงแก้ไขไม่ได้ แต่อาการบ้านหมุน คุณลองสังเกตดูว่าเกิดขึ้นตอนไหน แล้วปรับตัว เคลื่อนไหวศีรษะให้ช้าลง น้อยลง หรือช้าลงในการเปลี่ยนท่าทาง นอกจากนั้น คือ ดื่มน้ำสะอาดให้พอเพียง แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น หรืออาการเลวลง ก็ควรต้องกลับไปพบแพทย์โรงพยาบาลที่สั่งยาให้คุณก่อนนัดคะ เพื่ออาจปรับเปลี่ยนชนิดยา

ส่วนที่ว่า กระเพาะอาหารอักเสบจะเป็นสาเหตุของน้ำหนักลดและอุจจาระผิดปกติหรือเปล่า ต้องดูอีก 2-3 สัปดาห์หลังกินยาแล้วว่า อาการต่างๆดีขึ้นไหม อย่างไร ซึ่งถ้าอาการไม่ดีขึ้น แพทย์ก็ต้องตรวจคุณเพิ่มเติม แต่จะตรวจอะไรเพิ่มขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ที่ตรวจรักษาคุณ ดังนั้น แนะนำให้คุณรับการรักษาต่อเนื่องตามแพทย์แนะนำ และเรียนให้แพทย์ทราบว่า ถ้ามีอาการผิดปกติ หรืออาการเลวลง คุณขออนุญาตพบแพทย์ก่อนนัด

 

พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์

Sres*****r

23 พฤศจิกายน 2556 00:23:03 #5

คุณหมอครับเมื่อวานนี้ผมถ่ายมามีเลือดปนในก้อนอุจจาระอีกแล้วครับแต่นิดเดียวครับ แล้วที่ขาหนีบขวาผมคลำพบตุ่มเล็กๆ ผมพยายามในเน็ตดูมันน่าจะเป็นต่อมน้ำเหลืองครับ คืออาการตอนนี้มันจะไม่ถ่าย1-2วัน แต่พอถ่ายมาทีนึงจะเยอะมากก้อนใหญ่ อ้วนและยาวมากครับ ผมเลยอยากสอบถามหมอเกี่ยวกับตุ่มเล็กๆที่คลำพบได้ว่าเกี่ยวกับอะไรครับ ขนาดมันเท่ากับเม็ดยาแคบซุล รบกวนด้วยนะครับ

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์

(วว.รังสีรักษา และเวชศาสตร์นิวเคลียร์)

24 พฤศจิกายน 2556 03:21:11 #6

เรื่องถ่ายอุจจาระเป็นเลือด แนะนำให้คุณปรึกษาแพทย์ที่ดูแลรักษาคุณอยู่คะ ส่วนเรื่องลำอุจจาระที่ใหญ่เป็นเรื่องปกติ ขึ้นกับปริมาณอาหาร ประเภทอาหาร และการที่คุณอาจไม่ได้ถ่ายทุกวัน จึงมีอุจจาระสะสมอยู่มาก

ส่วนเรื่องตุ่มที่ขาหนีบ ถ้าเป็นตุ่มที่ผิวหนัง ก็อาจเกิดจากต่อมไขมันที่ผิวหนังอักเสบ แต่ถ้าตุ่มกลมๆอยู่ใต้ผิวหนัง ก็มักเป็นต่อมน้ำเหลือง ที่เกิดจากมีการอักเสบหรือแผลของอวัยวะใกล้เคียง ตั้งแต่ เล็บ เท้า ขา ผิวหนังบริเวณลำตัว/ท้อง/หลัง ก้น และบริเวณอวัยวะเพศ ซึ่งบ่อยครั้งเราก็ไม่ได้สังเกตเห็นการอักเสบหรือแผลนั้นๆ

 

พญ. พวงทอง