18 ตุลาคม 2556 05:48:24 #1

เริ่มแรกคือเป็นหวัดไอหนักมากครับ ก็ไปหาหมอเอายามาทานตามปกติ โดยมียาปฏิชีวนะ Roxithromycin 150mg อยู่ด้วย

แต่ทานไปแล้ว 2 อาทิตย์ อาการไอก็ยังเรื้อรังไม่หาย ไข้ก็เป็นๆหายๆ และมีอาการจุกอกเวลาขยับตัว ปวดแปล่บๆเวลาเอียวตัวลงไปนอนแล้วซี่โครงซ้ายสัมผัสเตียง จึงกลับไปพบแพทย์ใหม่ แพทย์สั่งเอ็กซ์เรย์ ผลออกมาว่าปอดซ้ายติดเชื้อ (ขวาไปครึ่งปอด)

แพทย์ได้จ่ายยา Roxithromycin 150mg มาให้อีก (ซึ่งมีความรู้สึกว่าทานแล้วอาการก็ไม่ดีขึ้นเลย) และยาแก้ไอขับเสมหะกับพาราลดไข้แก้ปวด และนัดเก็บเสมหะอาทิตย์หน้า ก่อนที่จะนัดพบหมออายุรกรรมเฉพาะทางในอีกอาทิตย์ถัดไปหลังจากนั้น 

อยากสอบถามว่า 2 อาทิตย์ระหว่างช่วงรอเก็บเสมหะกับรอพบแพทย์เฉพาะทาง ผมจะมีวิธีดูแลตัวเองยังไงบ้างหรือครับ ตอนนี้เวลาตื่นนอนรู้สึกมีอาการเมื่อยตัวไปหมด บางทีก็ไอจนรู้สึกเจ็บท้อง ราวท้องไส้ปั่นป่วน บางทีก็หนักจนเจ็บทั้งตัว ตัวงอราวปลาหมึกปิ๊ง กลัวว่าหากดูแลตัวเองไม่ดีอาจเกิดอาการแทรกซ้อนขึ้นระหว่างรอแพทย์ทำให้รักษายากขึ้น

อีกคำถามครับ เหมือนปีนี้ ผมสุขภาพค่อนข้างไม่ดีทั้งปี หลายเดือนก่อนก็เป็นงูสวัด คราวนี้ก็มาเป็นปอดติดเชื้อ ถึงหลักๆมาจากภูมิต้านทานในร่างกายอ่อนแอทั้งนั้นเลย ผมเองก็แปลกใจเพราะผมก็ทานอาหารครบ 3 มื้อ / นอนวันละ 6-7 ชม. / ไม่มีเรื่องให้เสียสุขภาพจิตอะไรมากมาย ยาที่ทานประจำที่เพิ่งมาเริ่มทานตอนมิถุนายนก็เป็นแค่ยาแก้แพ้ธรรมดา ตรวจเลือดตรวจสุขภาพใน Lab ล่าสุด ก็เป็นแค่โลหิตจางนิดหน่อย แต่ตับไตอื่นๆยังทำงานปกติอยู่ แต่ทำไมภูมิคุ้มกันผมถึงป่วยลงๆราวคนเเป็นเอดส์อย่างนี้ (แต่ผมเวอร์จิ้นอยู่นะครับ ไม่มีทางเป็นเอดส์แน่นอน) 10 ปีให้หลังมานี่ ผมก็ทำกิจวัตรแบบนี้ตลอด ไม่ยักเป็นอะไร จนมาปีนี้หนักหน่วงเหลือเกิน

พอทราบสาเหตุ หรือมีวิธีสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายไหมครับ? (ภูมิต่ำๆผมชักเริ่มกังวลตับอักเสบกับมะเร็งถามหาชอบกลละ...)

ขอบคุณคุณหมอมากครับ

19 ตุลาคม 2556 06:48:42 #2