น่าจะมีสาเหตุหลักจากการที่หนังหุ้มปลายเกิดการแพ้หรือระคายเคืองจากสารที่ผสมในสบู่หรือเจลอาบน้ำ ร่วมกับความอับชื้นจึงอาจมีเชื้อราร่วมด้วย

วิธีรักษาคือเริ่มด้วยการทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่นและสบู่อ่อนๆ เช่น สบู่เด็ก ห้ามใช้สบู่ยาหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ จะยิ่งบวมและอักเสบมากขึ่น เช็ดให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อราและเสตียร์รอยด์อ่อนๆ เช่น clotrimazole+ triamcinolone 0.02% ประมาณ 5 -7 วัน น่าจะดีขึนครับ เมื่อดีขึ้นแล้วแนะนำหาหมอยูโร (ศัลยกรรมระบบสืบพันธ์) ดูว่าต้องขลิบหนังหรือไม่

การขลิบหนังหุ้มปลายถือเป็นการผ่าตัดธรรมดา มีการฉีดยาชาเฉพาะที่ ใช้เวลา 1 ชม. แผลจะหายใน 2 อาทิตย์ ผลดีของการขลิบคือ ทำความสะอาดง่าย ไม่เป็นแผลเวลาร่วมเพศ

มีการศึกษาที่หลายประเทศในทวีปแอฟริกาพบว่าช่วยลดการติดเชื้อเอดส์ได้ประมาณ 40% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้ขลิบ แต่ยังไมมีการศึกษาในประเทศไทย

แล้วหมอยูโร มีที่ไหนแนะนำบ้างไหมครับ ไม่อยากรบกวนทางบ้าน และงบไม่เยอะครับผม 
ปล.อยากทราบครับเห็นมีเรื่องโอกาสลดลงเรื่องเอดส์ ในกรณีของคนที่เขาเป็นเอดส์แล้วยังต้องไปขลิบอีกไหมครับ

ถ้าอยู่ต่างจังหวัด ก็ไปที่ รพ. ประจำจังหวัด ถ้าในกรุงเทพ รพ.รัฐทุกแห่งรวมทั้ง รพ. ของโรงเรียนแพทย์ เช่น ศิริราช รามา จุฬา ส่วน รพ. เอกชนมีเหมือนกัน แต่ค่าใช่จ่ายจะสูงกว่า

ส่วนเรื่องขลิบ ถ้าเป็นเอดส์แล้วการขลิบคงไม่จำเป็นครับ

นพ. อนุพงศ์

คุณหมอครับ คือผมหาตัวยาที่คุณหมอให้มาไม่เจอหนะครับที่ผสมกัน ส่วนมากจะเป็น แบรนด์นี้มีตัวแรกไม่มีตัวหลัง อีกแบรนด์มีตัวหลังไม่มีตัวแรก ผมเลยยังไม่ตัดสินใจซื้อ แต่ลองรักษาความสะอาด แช่น้ำอุ่นจนอาการฉีกขาดหายไปครับ แต่ว่าสักพัก 3-4 วันก็กลับมาเป็นอีกเนื่องจากการแข็งตัวหรือการล่นหนังลงมา (แผลเป็นตั้งขนานกับองคชาติ) เหมือนรอยฉีกของริมฝีปากเลยครับ อย่างนี้ควรมีวิธีดูแลยังไงดีครับ เพื่อไม่ให้ฉีกขาดอีก (คงไม่ต้องเอา Moisturizer ทามั้งครับ)

อาจลองทาสลับกันหรือทาผสมกัน ส่วนเมื่อดีขึ้นแล้ว แนะนำปรึกษาเรื่องขลิบหนังเพื่อจะได้ไม่เป็นอีกครับ

นพ. อนุพงศ์