กระดานสุขภาพ

ปวดท้อง
Rose*****e

25 สิงหาคม 2556 08:17:50 #1

อยู่ๆก็มีอาการปวดท้องด้านซ้ายแถวๆสะดือ ขึ้นมากระทันหันในระหว่างเดินทาง  ปวดบิดๆ มากขึ้น ๆ  โดยมีการร่วมคือ เหงื่ออกที่ฝ่ามือเท้า  และเริ่มเย็น  จากนั้น อาการปวดที่เพิ่มมากขึ้นขยับตัวไม่ได้  จนทำให้เหงื่อออกท่วมตัว  จึงไปปัสสาวะ ปรากฏว่าปัสสาวะได้น้อย  มีอาการหนาว  รู้สึกจะอาเจียน  และเริ่มไม่รับรู้อะไร ญาติสังเกตเห็นสีหน้าเหลือง  คลำที่หน้าผากและตัวเย็น จึงกดจุดที่หัวไหล่ จากนั้นตัวก็เริ่มอุ่นขึ้นแล้วจึงนำไปหาหมอ  หมอวัดความดัน และบอกว่าความดันต่ำ  และกดบริเวณท้องด้านซ้ายที่นูน ก็เจ็บมาก พร้อมซักอาการ ก็บอกว่าประจำเดือนมาสม่ำเสมอไม่ขาด และไม่เคยปวดท้องประจำเดือน ตรวจสีลักษณะปัสสาวะปกติ  จากนั้นจึงฉีดยาแก้ปวดให้พร้อมทานยา  และบอกว่า  ลำไส้ใหญ่อักเสบ  หรือท่อปัสสาวะบิดตัว หรือปีกมดลูกอักเสบ  ให้นอนดูอาการ จากนั้นก็อาเจียนจึงรู้สึกดีขึ้น แต่หลังที่ฉีดยาให้ก็ไม่มีอาการปวดท้องอีกเลย  อุจจาระก็สีปกติ  ไม่แข็ง  ปัสสาวะ ก็เริ่มปกติ

จึงอยากจะถามว่า  ทำไมแค่ปวดท้องถึง  กับมีอาการต่างๆมากมาย  อาการความดันตกตัวเย็นนี่ถือว่าเข้าสู่ภาวะช็อคหรือยังคะ  แล้วถ้ามีอาการอวัยวะ เหล่านั้นอักเสบ จึง ไม่มีอาการปวดเล็กน้อยตามมาบ้างคะ  หรือว่าเป็นโรคอย่างอื่น 

อายุ: 30 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 52 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 20.31 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

26 สิงหาคม 2556 14:09:07 #2

อาการปวดดังกล่าวนาจะเกิดจากความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เพราะมีอาการปวดที่ท้องด้านซ้ายระดับสะดือ ซึ่งน่าจะเป็นตำแหน่งของกระเพาะอาหาร ร่วมกับมีอาการคลื่นไส้อาเจียน และอาการดีขึ้นได้หลังจากฉีดยา ซึ่งก็น่าจะเป็นยากลุ่มที่ลดการบีบเกร็งของระบบทางเดินอาหาร ถ้าไม่สบายใจก็ควรไปรับการตรวจอัลตราซาวด์เพื่อดูว่ามีความผิดปกติของมดลูกหรือรังไข่หรือไม่ ถ้าปกติดีก็จะได้สบายใจว่าเป้นเพียงระบบทางเดินอาหารสามารถบรรเทาด้วยยาได้ค่ะ