กระดานสุขภาพ

ขอปรึกษาเกี่ยวกับอาการเกล็ดเลือดต่ำ
Nook*****9

9 เมษายน 2562 06:00:47 #1

หลานชายมีไข้มาหลายชั่วโมง พาไปหาหมอ หมอตรวจพบว่ามีเกล็ดเลือดต่ำ ตรวจดูอาการมานานเกือบสัปดาห์ แต่ไม่ทราบสาเหตุ จึงอยากขอปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับอาการเหล่านี้หน่อยคะ มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคอะไรได้บ้างคะ (น้ำหนัก ส่วนสูงคร่าวๆ คาดเดาเอา เพราะเจ้าตัวไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยกันคะ)

อายุ: 17 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 51 กก. ส่วนสูง: 168ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.07 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
พญ.กิติพร กวียานนท์

แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป

11 เมษายน 2562 08:27:02 #2

ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ(Thrombocytopenia) เป็นสาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการเลือดออกผิดปกติผู้ป่วยบางรายมีเกล็ดเลือดต่ำมากและเมื่อไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีอาจเกิดอาการเลือดออกจนเสียชีวิตได้สาเหตุของเกล็ดเลือดต่ำมีได้หลายอย่างหากได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสมสามารถทำให้ผู้ป่วยหายและมีชีวิตเป็นปกติได้

เกล็ดเลือด(Platelet) เป็นส่วนหนึ่งของเม็ดเลือดที่อยู่ในกระแสเลือด(ในกระแสเลือดมีเม็ดเลือดแดงเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด) มีหน้าที่สำคัญทำให้เลือดอยู่ในภาวะปกติไม่เกิดเลือดออกง่ายแต่หยุดยากโดยจำนวนและหน้าที่ของเกล็ดเลือดต้องปกติ

เมื่อเกล็ดเลือดต่ำเพียงเล็กน้อยอาจไม่มีอาการอะไรเลยไม่มีเลือดออกที่ใดแต่เมื่อเกล็ดเลือดต่ำถึงระดับหนึ่งจะมีอาการเลือดออกอาการเลือดออกจากเกล็ดเลือดต่ำมักเกิดที่ผิวหนังเป็นจุดเลือดออกแดงๆคล้ายยุงกัดกดแล้วไม่จางหายไป(หากเป็นจุดยุงกัดเมื่อกดแล้วจะจางลง) หรือเป็นจ้ำเลือดออกตื้นๆ(Ecchymosis) ซึ่งบางคนเรียกว่า‘พรายย้ำ”

จ้ำเลือดปกติคลำดูจะเรียบแต่บางครั้งคลำดูเหมือนมีไตแข็งขนาดเมล็ดถั่วเขียวอยู่ตรงกลางจ้ำเลือดก็ได้จ้ำเลือดจะมีสีม่วงปนเหลืองเนื่องจากเม็ดเลือดแดงที่อยู่ในตำแหน่งเลือดออกจะแตกตัวได้สารสีเหลืองสีจ้ำเลือดจะไม่สม่ำเสมอแล้วแต่การแตกตัวของเม็ดเลือดแดงก่อนหลังหากมีจ้ำเป็นสีน้ำตาลเสมอกันอาจไม่ใช่จ้ำเลือดอาจเกิดจากการแพ้ยาบางชนิดซึ่งเรียกว่าfixed drug eruption

บางคนอาจมีเลือดออกแถวเยื่อเมือกบุในช่องปากเลือดออกที่เหงือกในหญิงที่มีประจำเดือนแล้วอาจมีเลือดประจำเดือนออกมากบางคนมีปัสสาวะเป็นเลือดหรือถ่ายอุจจาระมีเลือดปนหรือถ่ายอุจจาระสีดำเหมือนเส้นผมหรือยางมะตอย

อาการเลือดออกจากเกล็ดเลือดต่ำเพียงสาเหตุเดียวมักไม่มีเลือดออกในข้อหรือในกล้ามเนื้อลึกๆหากมีอาการดังกล่าวต้องหาสาเหตุของเลือดออกจากปัจจัยการแข็งตัวของเลือดผิดปกติด้วย

เกล็ดเลือดต่ำเกิดจากสาเหตุสำคัญ4 อย่างคือ

สร้างจากไขกระดูกได้น้อยมะเร็งเม็ดเลือดขาวโรคมะเร็งต่อมหมวกไตและโรคมะเร็งอื่นๆหรือเกล็ดเลือดต่ำจากยาบางชนิดที่ไปกดการสร้างเม็ดเลือดที่ไขกระดูกเช่นยาในกลุ่มยาเคมีบำบัดรักษาโรคมะเร็งเช่นภาวะที่ไขกระดูกฝ่อหรือที่เรียกว่าโลหิตจางอะพลาสติก(Aplastic anemia) ซึ่งไขกระดูกจะสร้างเม็ดเลือดทุกชนิดได้น้อยมากรวมทั้งเกล็ดเลือดด้วยหรือภาวะที่ไขกระดูกถูกกดเบียดจากการมีโรคมะเร็งกระจายเข้าในไขกระดูกเช่นโรค

เกล็ดเลือดถูกทำลายมากโรคเอสแอลอี(SLE, Systemic lupus erythematosus) โรคนี้มักจะมีอาการอื่นๆร่วมด้วยเช่นผื่นผิวหนังที่เกิดจากแพ้แสงแดดช่องปากเป็นแผลปวดข้อผมร่วงเป็นต้นในโรคเอสแอลอีอาจจะพบเม็ดเลือดชนิดอื่นๆต่ำลงด้วยนอกเหนือไปจากเกล็ดเลือดต่ำนอกจากนี้มียาจำนวนมากที่อาจทำให้เกล็ดเลือดต่ำจากปฏิกิริยาอิมมูน(Immune) หรือจากภูมิต้านทานทำลายเกล็ดเลือดยาที่พบบ่อยคือยาเฮพาริน(Heparin) ซึ่งเป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือดที่มีการใช้บ่อยในโรคที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด

โรคที่มีการสร้างภูมิต้านทานทำลายเกล็ดเลือดอย่างเดียวโดยไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆได้แก่โรคไอทีพี(ITP, Immune thrombocytopenia หรือที่เคยเรียกImmune thrombocy topenic purpura หรือIdiopathic thrombocytopenic purpura) โรคนี้มักมีเกล็ดเลือดต่ำแบบเฉียบพลันในเด็กอาจมีการติดเชื้อไวรัสนำมาก่อนหรือมีประวัติฉีดวัคซีนบางชนิดมาก่อนในผู้ใหญ่มักมีอาการค่อยเป็นค่อยไป

การทำลายเกล็ดเลือดอาจเกิดจากการที่ร่างกายสร้างภูมิต้านทานมาทำลายเกล็ดเลือดเองเช่นในโรคที่เรียกว่า

เกล็ดเลือดถูกบีบ(Squeeze) ไปอยู่ในที่หนึ่งที่ใดมากเกินไปเช่นไปอยู่ในหลอดเลือดที่ม้ามหรืออยู่ในก้อนที่มีหลอดเลือดผิดปกติที่เรียกHemangioma ยังผลให้เกล็ดเลือดในกระแสเลือดลดลง

มีการใช้เกล็ดเลือดมากเกินไป

นอกจากนี้ยังมีภาวะที่มีการใช้เกล็ดเลือดมากอีกกรณีหนึ่งคือภาวะDisseminated intravascular coagulation ซึ่งเรียกย่อว่าภาวะดีไอซี(DIC) เป็นภาวะที่มีลิ่มเลือดกระจายไปในหลอดเลือดเล็กๆทั่วไปทั่วร่างกายอันเป็นผลตามมาจากการมีภาวะติดเชื้อรุนแรงภาวะช็อกภาวะเนื้อเยื่อขาดออกซิเจนหรือภาวะทางสูติศาสตร์เช่นรกลอกตัวก่อนกำหนดในภาวะดีไอซีผู้ป่วยมักมีอาการหนักมีปัญหาโรคอื่นๆนำมาก่อนมีลิ่มเลือดในหลอดเลือดแล้วตามมาด้วยภาวะเลือดออกผิดปกติ

เช่นในภาวะที่มีเลือดออกร่างกายต้องนำเกล็ดเลือดไปใช้ในการห้ามเลือดดังนั้นเมื่อมีเลือดออกและพบว่าเกล็ดเลือดต่ำจึงต้องหาว่าอะไรเป็นสิ่งที่เกิดก่อนคือเกล็ดเลือดต่ำก่อนหรือเลือดออกก่อนเพื่อการรักษาที่ถูกต้อง

เกล็ดเลือดต่ำเพราะมีปริมาณน้ำในร่างกายมาก(Dilutional thrombocy topenia) พบในผู้ที่ได้รับน้ำเกลือหรือสารน้ำคอลลอยด์(Colloids,สารน้ำชนิดหนึ่งซึ่งใช้เพิ่มปริมาณน้ำในหลอดเลือดในการรักษาผู้ป่วยภาวะร่างกายขาดน้ำเช่นจากการสูญเสียน้ำจากแผลไฟไหม้) ทางหลอดเลือดดำมากเกินไปหรือได้รับส่วนประกอบอื่นๆของเลือดในปริมาณมากเช่นได้รับเฉพาะแต่เม็ดเลือดแดงหรือเฉพาะแต่เม็ดเลือดขาวแต่ไม่ได้รับเกล็ดเลือดร่วมด้วยและยังอาจพบในระยะท้ายๆของการตั้งครรภ์ซึ่งเป็นภาวะที่ร่างกายมีปริมาณสารน้ำในเลือดสูงขึ้น(ไตรมาสที่3) แต่ผู้ป่วยในกลุ่มนี้เกล็ดเลือดมักไม่ต่ำมาก

แพทย์จะดำเนินการดังนี้เมื่อสงสัยผู้ป่วยมีเกล็ดเลือดต่ำ

ซักประวัติโดยละเอียดเช่นประวัติการมีเลือดออกตำแหน่งที่เลือดออกโดยแพทย์จะแยกว่าเป็นเลือดออกเฉพาะที่หรือเป็นเลือดออกจากเกล็ดเลือดต่ำเช่นการมีหลอดเลือดฝอยที่ผนังกั้นกลางจมูกผิดปกติหลอดเลือดจึงเปราะแตกง่ายทำให้มีเลือดกำเดาออกที่เดียวแต่ถ้าเป็นจากเกล็ดเลือดต่ำน่าจะมีเลือดออกหลายๆที่และลักษณะของเลือดออกพอจะบอกได้ว่าเป็นจากเกล็ดเลือดต่ำหรือจากเลือดออกจากปัจจัยการแข็งตัวของเลือดผิดปกติแพทย์จะซักประวัติการใช้ยามาก่อนประวัติมีอาการอื่นๆร่วมด้วยหรือไม่เช่นมีการติดเชื้อนำมาก่อนการฉีดวัคซีนบางชนิดในผู้ป่วยเด็กอาจสัมพันธ์กับการมีเกล็ดเลือดต่ำเช่นในโรคITP หรือมีอาการปวดข้อมีผมร่วงมีผื่นแพ้แสงแดดหรือมีภาวะซีดร่วมด้วยหรือไม่ซึ่งมักพบในโรคเอสแอลอี

การติดเชื้อไวรัสเช่นโรคไข้เลือดออกทำให้เกล็ดเลือดต่ำหลังจากมีไข้สูงประมาณ3 วันแต่ก็จะกลับมาปกติในวันที่8 ถึง10

ตรวจร่างกายเพื่อหาสาเหตุที่จะทำให้เกล็ดเลือดต่ำว่าเกิดจากโรคอะไรดังได้กล่าวในสาเหตุของเกล็ดเลือดต่ำ

การตรวจพิสูจน์ว่าเกล็ดเลือดต่ำจริงไม่ได้เกิดจากเทคนิคทางห้องปฏิบัติการผิดพลาดเช่นบางทีเกล็ดเลือดอาจเกาะกลุ่มกันทำให้การตรวจนับด้วยเครื่องนับอัตโนมัติผิดพลาดไปซึ่งแพทย์จะเอาแผ่นแก้ว/สไลด์(Slide) ที่สเมียร์เลือด(Smear,ทำให้เลือดเป็นแผ่นบางๆบนแผ่นแก้ว) มาตรวจสอบแพทย์จะดูว่าเกล็ดเลือดต่ำจริงหรือไม่โดยนับเกล็ดเลือดในสไลด์และตรวจว่าเกล็ดเลือดรูปร่างผิดปกติหรือไม่เม็ดเลือดขาวผิดปกติหรือมีเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือไม่ตลอดจนเม็ดเลือดแดงผิดปกติหรือไม่

ตรวจหาสาเหตุตามที่สงสัยจากประวัติและการตรวจร่างกายเช่นอาจมีการเจาะเลือดเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นโรคเอสแอลอีหรือไม่อาจตรวจไขกระดูกหาความผิดปกติต่างๆเช่นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือบางโรคที่ไม่มีอาการผิดปกติอื่นๆหรืออาจรอเฝ้าดูให้เกล็ดเลือดสูงขึ้นภายใน1-2 สัปดาห์หรือให้การรักษาไปก่อนแล้วติดตามดูเป็นต้น

การรักษาแพทย์จะรักษาตามความรีบด่วนของอาการและตามสาเหตุ(ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามสาเหตุเช่นรักษาโรคเอสแอลอีเป็นต้น) เช่นหากมีเลือดออกมากต้องห้ามเลือดและให้เกล็ดเลือดทดแทนก่อนยกเว้นกรณีที่ให้เกล็ดเลือดแล้วไม่ทำให้ผู้ป่วยดีขึ้นแต่กลับทำให้เกล็ดเลือดอาจถูกทำลายมากขึ้นเป็นต้น