กระดานสุขภาพ

ซิฟิลิสติดทางน้ำลายไหม
Diw3*****3

22 มกราคม 2562 02:34:04 #1

ซิฟิลิสติดทางน้ำลายได้ไหม เช่น การกินข้าวช้อนเดียวกัน ดื่มน้ำเเก้วเดียวกัน อาจผู้ที่กินมีแผลในปากในปาก สามารถติดกันได้ไหม
อายุ: 18 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 46 กก. ส่วนสูง: 178ซม. ดัชนีมวลกาย : 14.52 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
พญ.กิติพร กวียานนท์

แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป

22 มกราคม 2562 18:23:25 #2

โรคซิฟิลิส (Syphilis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์โรคหนึ่งซึ่งสามารถรักษาให้หายขาด ได้ แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ในระยะยาวอาจแสดงอาการในหลายระบบของร่างกายเช่น ทางระบบประ สาท ผิวหนัง ตา กระดูก หัวใจและหลอดเลือด เป็นต้น นอกจากนี้ ถ้าสตรีเป็นโรคนี้ในขณะตั้ง ครรภ์มีโอกาสถ่ายทอดเชื้อไปสู่ทารกในครรภ์ได้ด้วยส่งผลให้ทารกมีภาวะซิฟิลิสแต่กำเนิดได้

อาการของโรคซิฟิลิสแบ่งออกเป็น 3 ระยะดังนี้

ระยะที่ 1เมื่อได้รับเชื้อบริเวณที่ได้รับเชื้อเช่น ที่บริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก 2 - 4 มิลลิเมตร จากนั้นจะเริ่มขยายออกมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและจะแตกออกกลายเป็นแผลที่กว้างขึ้น เป็นรูปไข่หรือวงรี ขอบมีลักษณะเรียบและแข็ง แผลมีลักษณะสะอาด บริเวณก้นแผลแข็งมีลักษณะคล้ายกระดุม ไม่มีอาการเจ็บ ปวด ต่อจากนั้นเชื้อจะเข้าไปอยู่ที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณขาหนีบ ส่งผลให้มีต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต เมื่อทิ้งไว้แผลสามารถหายไปได้เองโดยไม่ต้องรักษา ระยะนี้เป็นระยะที่ยังไม่แสดงอา การ

ระยะที่ 2 จะพบหลังการเป็นโรคระยะแรก 2 - 3 สัปดาห์ เชื้อซิฟิลิสจะเข้าไปอยู่ตามต่อมน้ำ เหลืองทั่วร่างกายเช่น บริเวณหลังหู หลังขาหนีบและขาพับ และเข้าไปสู่กระแสเลือด รวมทั้งกระจายไปตามอวัยวะต่างๆของร่างกาย จะทำให้เกิดผื่นขึ้นตามร่างกายหรือเรียกว่า “ระยะออกดอก” ผื่นที่พบมีความแตกต่างจากผื่นลมพิษทั่วไป เพราะผู้ป่วยจะมีผื่นขึ้นที่บริเวณฝ่ามือด้วยและจะไม่มีอาการคัน ผื่นมีลักษณะเป็นตุ่มนูน และอาจพบมีเนื้อตายจากผื่นเป็นหย่อมๆและพบเนื้อเน่าหลุดออกมา มีน้ำเหลือง และในน้ำเหลืองจะมีเชื้อซิฟิลิส ระยะนี้เป็นระยะที่ติดต่อได้โดย ง่าย ผู้ป่วยบางรายอาจจะไม่มีผื่นขึ้นเลยแต่อาจจะมีอาการไข้ เจ็บคอ ปวดเมื่อยตามข้อ ผมร่วงทั่วศีรษะหรือร่วงเป็นหย่อมๆ

เมื่อทำการตรวจเลือดในระยะนี้จะพบว่ามีผลบวกของเลือดสูงมาก ถ้าผู้ป่วยยังไม่ได้รับการรักษา โรคจะอยู่ใน “ระยะสงบ” โดยเชื้อจะไปหลบซ่อนตามอวัยวะต่างๆในร่างกายและจะไม่แสดงอาการได้นานหลายปี เพียงแต่ตรวจเลือดให้ผลบวกเท่านั้น

ระยะที่ 3 เป็นระยะสุดท้ายของโรคหรือระยะแฝง เมื่อไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ผู้ป่วยจะเข้าสู่ระยะที่ 3 ประมาณ 3 - 10 ปีหลังจากระยะที่ 1 โดยมีอาการตามระบบต่างๆของร่างกายเช่น ตาบอด เนื้อจมูกถูกทำลายจนเป็นรอยโหว่ หูหนวก ใบหน้าผิดรูป กระดูกผุบาง อาจมีสติปัญญาเสื่อม บางรายอาจมีการแสดงออกที่ผิดปกติคล้ายคนเสียสติ ถ้าเชื้อไปอยู่ที่หัวใจก็จะทำให้หัว ใจมีความผิดปกติ ลิ้นหัวใจรั่ว หลอดเลือดแดงใหญ่ที่ออกจากหัวใจมีลักษณะโป่งพองทำให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจวายได้ ถ้าเชื้อเข้าไปอยู่ที่ไขสันหลังก็จะทำให้เป็นอัมพาตและมีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต (ตาย) ได้

โรคซิฟิลิสสามารถติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรคนี้ในระยะที่ 1 และถ้าสัม ผัสกับน้ำเหลืองที่ผิวหนังของผู้ที่เป็นโรคนี้ในระยะที่ 2 (ระยะออกดอก) ก็มีโอกาสที่จะรับเชื้อได้เช่นกัน นอกจากนี้ในทารกที่ได้รับเชื้อผ่านมาจากมารดาโดยตรงโดยผ่านจากทางรกก็จะมีอา การแสดงแต่กำเนิดดังจะกล่าวในหัวข้อต่อไป ส่วนโรคในระยะที่ 3 มักเป็นระยะที่ไม่มีการติดต่อ

การรักษา เมื่อเกิดแผลบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์โดยเฉพาะหลังการมีเพศสัมพันธ์ควรพบแพทย์เสมอ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุของแผลที่เกิดขึ้น และเมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคซิฟิลิสแม้ว่าจะไม่มีอาการหรืออยู่ในระยะโรคสงบก็ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา เพราะเชื้อซิฟิลิสยังอยู่ในกระแสเลือดและพร้อมที่จะลุกลามจนเกิดอาการที่รุนแรงได้ต่อไป ทั้งนี้แพทย์จะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะกลุ่มเพนิซิลลินในขนาดสูง และจะต้องไปฉีดยาตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง การขาดยาจะเป็นสาเหตุสำคัญให้โรคไม่หายและเกิดโรคในระยะที่ 3 ได้

การดูแลตนเอง การป้องกัน และการพบแพทย์ในโรคซิฟิลิสคือ

หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับหญิง/ชายที่เป็นโรคนี้

ไม่สำส่อนทางเพศ

หลีกเลี่ยงการเที่ยวหญิง/ชายบริการ

ป้องกันการติดเชื้อโดยสวมถุงยางอนามัยชายทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์

ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศและร่างกายอยู่เสมอ

หลีกเลี่ยงการดื่มสุราเพราะจะทำให้ขาดสติ

รัฐควรมีการควบคุมโรคในกลุ่มหญิง/ชายที่ขายบริการทางเพศ

รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เสมอเพื่อร่างกายแข็งแรงและเพื่อลดโอกาสติดเชื้อ

พบแพทย์เสมอเมื่อมีอาการดังกล่าว อย่ารักษาตัวเอง

พบแพทย์เสมอเมื่อกังวลในอาการหรือสงสัยตนเองอาจติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์) ซึ่งรวมถึงซิฟิลิส