กระดานสุขภาพ

วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
Anonymous

16 ตุลาคม 2561 19:45:48 #1

สวัสดีค่ะ อยากสอบถามการฉีดมะเร็งปากมดลูก จากมี่ศึกษาข้อมูลมาจากอินเทอร์เน็ต บอกกว่าควรฉีดในวัยที่ยังไม่มีเพศสัมพันธุ์ ถามมีหลานที่เป็นลูกของพี่สาวแกเล่นกับเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง แต่เราไม่ทราบว่าเด็กจะแอบมีเพศสัมพันธุ์กันเองรึเปล่า ถ้าอยากจะให้แกฉีดทำได้ไหมคะ แกยังอยู่ในวัยที่ไม่มีประจำเดือน แล้วถ้าจะฉีดต้องบอกคุณหมอว่าเคยมีเพศสัมพันธุ์แล้วหรือยังไม่มีคะ มันต่างกันอย่างไร จะนับว่าเป็นเคสไหนคะ แล้วมีโอกาสป้องกันมากน้อยแค่ไหนคะ สามารถฉีดได้ไหม คุณหมอจะตรวจภายในของเด็กรึเปล่า ส่วนอีกข้อขอถามเป็นความรู้ของตัวเองนะคะ เผื่อวันข้างหน้าอยากแต่งงาน แต่ว่าถ้าสามีเคยมีเพศสัมพันธุ์กับคนอื่นมาแล้วไม่ว่าจะมีการป้องกันด้วยถุงยางอนามัยหรือไม่ก็ตามจะถือว่ามีโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เรามีโอกาสมากน้อยแค่ไหนคะ ถ้าเราฉีดไปแล้วสามารถป้องกันได้มากน้อยแค่ไหนคะ สอบถามนิดนึงนะคะว่า รพ.กับเอกชนราคาต่างกันมากไหม แล้วได้ผลเหมือนกันหรือเปล่า เพราะราคาที่รพ.ก็แพงพอสมควรค่ะ
อายุ: 19 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 59 กก. ส่วนสูง: 159ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.34 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

17 ตุลาคม 2561 18:13:05 #2

  • วัคซีนที่กล่าวถึงน่าจะหมายถึงวัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อไวรัส hpv ที่เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูก ไม่ใช่วัคซีนที่ป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกค่ะ วัคซีนดังกล่าวนั้นจะสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัส hpv ได้ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ สาเหตุของมะเร็งปากมดลูกอีก 30 เปอร์เซ็นต์ นั้นยังเกิดจาก hpv ชนิดอื่นที่เราไม่สามารถป้องกันได้ Concept ที่สำคัญคือหลังฉีดยาแล้ว จะต้องมาตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปีถ้ามีเพศสัมพันธ์แล้ว หรือแม้แต่ถ้ายังไม่มีเพศสัมพันธ์ก็ควรเริ่มทำการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่อายุ 25 ปี ขึ้นไป วัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อไวรัส hpv นั้น จะได้ผลดีในคนที่ยังโสดเพราะไม่เคยมีการรับเชื้อมาก่อน แต่ในกรณีที่คนไข้มีเพศสัมพันธ์แล้วอาจจะได้รับเชื้อ hpv เข้ามาอยู่ในตัวแล้ว ซึ่งวัคซีนอาจจะมีประสิทธิภาพที่ไม่ดีพอในการป้องกันการติดเชื้อไวรัส hpv อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีเพศสัมพันธ์แล้ว ก็ยังสามารถฉีดได้อยู่ตลอดเวลาแม้ว่าประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัส hpv จะไม่ดีเท่าคนที่ยังโสดอยู่ก็ตาม ปัจจุบันนั้น แนะนำให้ฉีดในสตรีที่มีอายุตั้งแต่ 9 ถึง 26 ปี แต่ก็มีกลุ่มที่อายุมากกว่า 26 ปีมีความต้องการที่จะฉีดวัคซีนดังกล่าว ก็สามารถฉีดได้ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด ปัจจุบัน วัคซีนที่ป้องกันการติดเชื้อไวรัส hpv มีอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิดที่ป้องกันหูด และไม่ได้ป้องกันหูด ซึ่งรายละเอียดก็อาจจะแตกต่างกันเล็กน้อย ตามชนิดของยาฉีด มีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกันไป โดยรวมประสิทธิภาพก็ดีพอๆ กัน สามารถสอบถามที่โรงพยาบาลได้ค่ะ ราคาทั้ง 2 แบบ นั้น ไม่แตกต่างกันมาก ส่วนราคาขายที่โรงพยาบาลเอกชนกับโรงพยาบาลรัฐบาลนั้นอาจจะมีความแตกต่างกันได้ค่ะ ควรสอบถามที่โรงพยาบาลต่อไป ถ้าจะฉีดจะต้องฉีดทั้งหมด 3 เข็มระยะห่างก็อาจจะ 0, 1, 6 เดือน หรือ 0, 2, 6 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดวัคซีนที่ฉีด ปัจจุบัน วัคซีนมีราคาถูกลงมากแล้วค่ะ ไม่แพงเหมือนสมัยก่อน และตามนโยบายของผู้บริหาร วัคซีนก็ยังฉีดให้ฟรีในเด็กที่โรงเรียนตั้งแต่อยู่ในชั้นประถมด้วย ดังนั้น ควรสอบถามรายละเอียดจากแพทย์ที่เชี่ยววชาญอีกครั้งหนึ่ง
  • สำหรับการสวมใส่ถุงยางอนามัยในขณะที่มีเพศสัมพันธ์นั้นเป็นเรื่องที่ดีถ้ายังไม่พร้อมมีบุตร เพราะจะช่วยป้องกันการรับเชื้อต่างๆได้ไม่ว่าจะเป็นเชื้อ hpv หรือเชื้อที่ทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ ค่ะ คุณสามารถพาหลานมาฉีดได้ตลอดเวลาไม่มีความจำเป็นต้องทำการตรวจภายในหรือตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกก่อนค่ะ