กระดานสุขภาพ

อวัยวะเพศเป็นขุยสีขาวเป็นๆหายๆเกิดจากอะไรครับ
Aw24*****8

4 กันยายน 2561 13:01:39 #1

เป็นจุดขุยขาวๆเป็นมาหลายเดือนแล้วครํบไปหาหมอได้ยามาทาหายไม่กี่วันก็กลับมาเป็นอีกครับ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/aw248-45517-2.jpg

อายุ: 42 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 92 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 35.94 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Aw24*****8

4 กันยายน 2561 13:06:16 #2

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

5 กันยายน 2561 02:36:48 #3

ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นผื่นและตุ่มเล็กๆมีคราบขาวๆที่บริเวณหนังหุ้มอวัยวะเพศ ถ้าทั้งตัวคุณและแฟน ต่างก็ไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ คือ ไม่ได้มีเพศสัมพันธุ์กับคนอื่นหรือมีก็ใช้ถุงยางทุกครั้ง อาการที่เล่ามาน่าจะเกิดจากการระคายเคืองสารที่มาสัมผัส เช่น สบู่ เจลอาบน้ำ น้ำยาต่างๆที่ใช้บริเวณนี้ ร่วมกับความอับชื้น จึงเป็นจุดแดงๆและอาจมีเชื้อราร่วมด้วย แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่อ่อนๆ เช่นสบู่เด็ก ล้างเบาๆแล้วซับให้แห้งด้วยผ้านุ่มๆ ทายาที่มีส่วนผสมของยาแก้แพ้ชนิด triamcinolone 0.02% + ยาเชื้อรา clotimazoleทาบางๆ เช้าและก่อนนอนหลังอาบน้ำ น่าจะดีขึ้นใน 5-7 วัน ในกรณีที่เป็นบ่อยอาจต้องระวังความอับชื้นและงดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้ ส่วนแฟน ถ้ามีอาการตกขาว คันในช่องคลอด ก็อาจเป็นเชื้อราด้วย ในกรณีนี้แนะนำตรวจภายใน ถ้าเป็นเชื้อราก็รักษาโดยใช้ยากินหรือยาสอดช่องคลอด และเนื่องจากคุณอายุ 42 แนะนำว่าควรจะตรวจดูว่าเป็นเบาหวานหรือไม่ เพราะถ้าเป็นเบาหวานจะทำให้เป็นเชื้อราได้ง่ายและมักจะเป็นๆหายๆ แต่ถ้าผื่นที่เป็นเกิดหลังจากที่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่นเที่ยวหญิงบริการ ไม่ใช้ถุงยาง และผื่นแตกเป็นแผลตื้นๆ เจ็บแสบ ก็อาจจะเป็นเริมซึ่งเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากเชื้อไวรัส Herpes simplex อาการจะเป็นหลังจากที่มีความเสี่ยงประมาณ 3-7 วัน ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล ต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อไวรัส Herpes) ไป แฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ โดยสรุป ถ้าไม่มีความเสี่ยง น่าจะเป็นเชื้อราร่วมกับการแพ้ แนะนำหาหมอครับ

Aw24*****8

6 กันยายน 2561 06:51:50 #4

ให้ข้อมูลเพิ่มเติมครับ ผมเคยเสี่ยงเมื่อ2ปีที่แล้วครับ แฟนคนเก่าเคยเป็นเริมที่อวัยวะเพศด้วย ตอนนี้มีตุ่มขึ้นตามแขนขาและลำตัว ลักษณะแบบนี้ใช่ตุ่มเอดส์หรือป่าวครับ ส่วนการตรวจเลือดและการรักษาควรทำอย่างไรครับ แฟนคนใหม่แต่งงานกันเมื่อ2ปีที่แล้ว ก็ไม่มีตกขาวไม่มีอาการปกติอะไร แต่สังเกตุเห็นมีตุ่มเล็กๆแดงๆ2ตุ่มด้านหลัง ส่วนตัวผมมีแค่ตุ่มคันที่ตัวขาแขนแล้วสะเก็ดที่หัว ไปหาหมอ หมอบอกว่าเป็นสะเก็ดเงิน ที่เล็บก็เป็นจุดครับ มีรูปเพื่มเติมครับ
Aw24*****8

6 กันยายน 2561 06:59:20 #5

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

6 กันยายน 2561 10:15:29 #6

อาการของการติดเชื้อเอชไอวีซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเอดส์ คือ เมื่อรับเชื้อหรือมีพฤติกรรมเสี่ยงแล้วประมาณ 2-4 อาทิตย์ จะมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่นตามตัว คล้ายออกหัด หรือส่าไข้ เป็นต้น หลังจากนั้น อาการต่างๆก็จะหายไป จนเมื่อมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องซึ่งอาจนานหลายปี (3-5 ปีขึ้นไป) ก็จะเริ่มมีโรคแทรกซ้อน เช่น วัณโรค ปอดอักเสบ ตุ่มคันตามตัว แขนขา (PPE) น้ำหนักลด ท้องเสียเรื้อรัง ซึ่งสามารถยืนยันว่ามีการติดเชื้อหรือไม่โดยการตรวจเลือด วิธีที่ตรวจได้เร็วที่สุดหลังมีความเสี่ยงคือการตรวจด้วยด้วยวิธี NAAT คือการตรวจส่วนของเชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถตรวจได้เร็วขึ้น คือประมาณ 1 อาทิตย์หลังมีความเสี่ยง แต่จะมีตรวจเฉพาะห้องแล็บใหญ่ๆและมักใช้ในงานวิจัย เนื่องจากมีราคาแพง แนะนำให้ตรวจด้วยวิธีที่ใช้กันทั่วไป คือ GEN 4 ซึ่งเป็นการตรวจแอนติเจนและแอนติบอดี สามารถตรวจได้หลังมีความเสี่ยงประมาณ 3-4 อาทิตย์ ถ้าผลเป็นลบ ก็แสดงว่าไม่ติดเชื้อ แต่ควรตรวจซ้ำหลังเสี่ยงครบ 3 เดือน ซึ่งถ้าผลเป็นลบ ก็ไม่ติดเชื้อเอดส์ ในกรณีของคุณที่เคยมีแฟนและมีความเสี่ยงเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ถ้าไม่เคยตรวจเลือด แนะนำว่าควรจะตรวจเลือดเอดส์ สามารถใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจ ควรจะตรวจพร้อมกับแฟนที่อยู่ด้วยกันในปัจจุบัน สำหรับรูปที่ส่งมา เห็นเป็นผื่นคล้ายผิวหนังอัเสบหรือสิว ร่วมกับการแพ้หรืออาจจะเป็นโรคผิวหนังอื่น แนะนำหาหมอครับ โดยสรุป ควรจะตรวจเลือดเอดส์ครับ

Aw24*****8

6 กันยายน 2561 14:22:55 #7

ขอบคุณมากครับ