กระดานสุขภาพ

จะเป็นอะไรรึป่าว ?
Algl*****n

8 สิงหาคม 2561 15:36:33 #1

หมอคับ วันนั้น ผมมีอะไรกับแฟนแล้ว อวัยวะผมมันเป็นแผลอะคับ แผลเกา แต่เหมือนมักจะตกสเก็ตแล้ว แผลไม่ได้อยู่ตรงถอกออกแต่อยู่ตรงแถวๆโครนเส้นขนอะคับ เป็นหนังหุ้ม ตอนมีอะไรกับแฟนก็ใส่ถุงนะคับ แต่ผมก็ไม่เสร็จหรอกคับ พอมีอะไรเสร็จไปล้างแล้วเหมือนตรงเป็นแผลที่ตกสเก็ดมันหลุดออกแล้วแผลมันหายอะคับ อยากรู้ว่ามันจะเป็นอะไรมั๊ย จะมีโรคติดต่ออะไรรึป่าว ผมกลัวแฟนเป็นอะไรเพราะตอนนี้แฟนเจ็บคอ แต่ที่เค้าเจ็บอาจะเป็นเพราะการจูบเพราะตอนนั้นผมเป็นหวัดลงคอ จะเป็นอะไรรึป่าวคับ 

อายุ: 20 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 74 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 25.61 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

9 สิงหาคม 2561 02:07:26 #2

  • ถ้าทั้งตัวคุณและแฟนต่างก็ไม่มีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์คือไม่ได้มีการร่วมเพศกับคนอื่นหรือมีก็ใช้ถุงยางทุกครั้ง แผลที่อวัยวะเพศตามที่เล่ามาอาจจะเกิดจาก 1.แผลที่เกิดจากแพ้สารที่ใช้บริเวณนี้ หรือแพ้ยากิน ซึ่งถ้ามีประวัติกินยา เช่น ยาแก้ไข้ ยาแก้อักเสบ ยาชุดจากร้านขายยา ก็อาจจะเป็นจาการแพ้ยา ต้องงดกินยาหรืองดใช้สารที่สงสัยว่าจะแพ้ ลองนึกดูว่าก่อนเป็นได้กินยาอะไรหรือไม่ถ้ามีก็เป็นไปได้ว่าน่าจะเกิดจากการแพ้ยา ซึ่งลักษณะของแผลแพ้ยาจะคล้ายกับแผลที่โดนน้ำร้อนลวก ให้ล้างแผลด้วยน้ำเกลือล้างแผลเช้าเย็น ใช้ยาทาแก้แพ้ เช่น triamcinolone ทาบางๆ เช้า เย็น กินยาแก้แพ้ เช่น atarax ครั้งละ 10 มิลลิกรัม เช้า เย็น ก็จะดีขึ้นใน 1 อาทิตย์ 2.การอักเสบของต่อมใต้ผิวหนังคล้ายกับการเกิดสิว ให้กินยาแก้อักเสบ เช่น dicloxacillin ครั้งละ 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้งก่อนอาหารและก่อนนอนประมาณ 2 อาทิตย์ 3. โรคผิวหนังอื่นๆ แต่ถ้าคุณมีความเสี่ยง เช่น มีคู่นอนหลายคน ไม่ใช้ถุงยางหรือมีประวัติเคยเป็นแผลเริม ก็อาจจะเป็นเริม ซึ่งถ้าเป็นเริม รอยโรคจะเริ่มด้วยการเป็นตุ่มแดง
  • แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ ภายใน 1-2 วัน
  • ตุ่มน้ำจะแตกออกกลายเป็นแผลตื้นๆ เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด
  • เกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม
  • ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต
  • รักษาโดยใช้ยา aciclovir 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชม. 5-7 วัน และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ
  • เพราะจะมีเชื้อเริม ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่เรียกว่า เฮอร์ปีส์ (Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ
  • แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง โดยสรุป ขึ้นกับพฤติกรรมทางเพศและลักษณะของแผลถ้าไม่แน่ใจแนะนำหาหมอหรือส่งรูปถ่ายชัดๆบริเวณที่เป็นแผลและให้ข้อมูลเรื่องเพศสัมพันธ์และประวัติการกินยาเพิ่มเติมครับ
Algl*****n

9 สิงหาคม 2561 10:13:04 #3

แผลที่บอกไปเป็นแผลที่เกิดจากการเกาคับ ผมเกาอวัยวะเพศ 

อวัยวะเพศผมมีตุ่มคล้ายๆสิวบนหัวหยักกับข้างเส้นสองสลึงตุ่มเล็กไม่เจ็บไม่คัน หาหมอดูแล้วหมอบอกว่าไม่มีอะไรไม่เกี่ยวกับโรคติดต่อ เป็นเหมือนต่อมไขมันคับ

ส่วนเรื่องคู่นอนผมเคยมีความเสี่ยงเมื่อ3-4เดือนที่แล้วคับไปนวดมีกเซ็กส์แต่ถุงแตก แต่ไปตรวจเลือดเมื่อเดืนมิถุนาที่ผ่านมาก็ครบกำหนด3เดือนพอดี ผลเป็นลบ ก็ปิดเคสได้ใช่มั๊ยละคับ ผมไม่เคยเป็นเริม ไม่เคยมีโรคทางเพศสัมพันธ์นอกจากตุ่มใสที่บอกไป

แล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนก็มีเพศสัมพันธ์กับแฟนแต่ก็ที่บอกละคับใส่ถุง แต่แผลที่ผมเกามันตกสเก็ตแล้ว ตอนมีอะไรกันเสร็จก็ไปล้างสเก็ตแผลก็หลุดแล้วเหมือนแผลมันจะหายแล้วอะคับ 

 

แล้วผมอยากรู้ว่ามันจะเป็นอะไรมั๊ย 

นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

10 สิงหาคม 2561 04:34:19 #4

ถ้าแน่ใจว่าทั้งตัวคุณและแฟนต่างก็ไม่มีความเสี่ยงคือไม่เคยร่วมเพศกับคนอื่นหรือเคยแต่ใช้ถุงยางทุกครั้งแบะคุณไม่เคยมีประวัติเป็นเริม ก็ไม่มีโอกาสที่จะเป็นโรคติดต่อ ตุ่มที่เป็นอาจจะเป็นตุ่มตามธรรมชาติ ตุ่มเล็กๆที่ขึ้นรอบๆส่วนหัวของอวัยวะเพศ เรียกว่า pearly penile papules เป็นต่อมที่ขึ้นได้ตามธรรมชาติ จะมีขนาดต่างกัน ในบางคนอาจเล็กมากจนสังเกตุไม่เห็น แนบางคนอาจใหญ่และมีตั้งแต่ 1-3 แถว ดูเหมือนเป็นหูดหงอนไก่ ต่อมเหล่านี้ถือว่าเป็นปกติ ไม่ต้องกังวลหรือรักษาแต่อย่างไร ในกรณีที่ใหญ่มากจนมองแล้วไม่สวย มีการใช้เลเซอร์ลบให้เล็กลง แต่ก็อาจเป็นใหม่ได้ หรืออาจจะเป็น ต่อมไขมันที่เรียกว่า Fordyce spot ซึ่งเป็นตุ่มที่เกิดจากต่อมไขมัน หรือต่อม sebaceous glands ซึ่งปกติจะอยู่ร่วมในรูขน แต่ในกรณีนี้อยู่นอกรูขน แต่อยู่ที่ผิวหนังแทน โดยยังไม่รูสาเหตุ แต่ไม่เป็นอันตราย บางคนอาจจะค่อยๆจางลงเองได้ บางรายอาจอยู่ได้เป็นเดือน ปี โดยไม่มีอันตรายแต่อย่างไร ไม่ต้องกังวลนะครับ ในรายที่เป็นมาก อาจลองใช้เลเซอร์ให้จางลงได้ แต่ผลการรักษาไม่แน่นอน อาจเป็นใหม่อีกได้ ส่วนเรื่องการตรวจเลือดเอดส์นั้น ถ้าผลการตรวจที่ 3 เดือนหลังเสี่ยงเป็นลบ ก็ไม่ติดเชื้อครับ