กระดานสุขภาพ

ปรึกษาเรื่องไข้หวัด
Yoot*****a

9 เมษายน 2556 06:25:23 #1

ถ้าอาการแบบนี้เป็นอะไรมากป่าวครับหรือไข้ออกผื่นธรรมดา
อาการก่อนหน้านี้
- เพลีย
- มีไข้สูง
- ผนังลำคออักเสบ
- เป็นแผลที่ปาก ( เริม )
ไปหาหมอที่คลีนิก หมอชีดยาให้ 3 วัน และเข้าน้ำเกลือ
2 วันต่อมาอาการไม่ดีขึ้น เลยไปหาหมอที่ รพ.แห่งหนึ่ง หมอว่าเป็นไข้ธรรมดา แต่ที่เป็นหนักเพราะร่ากายอ่อนแอ หมอเลยให้ยามากินโดยไม่ต้องนอนรักษา
อีกหนึ่งวันต่อมาหลังจากที่ไปหาหมอมา อาการยังไม่มดีขึ้น พร้อมทั้งมีตุ่มขึ้นที่ตามร่างกาย ตามรูป เลยกลัวว่าจะเป็นไรมากหรือป่าวครับบ
ปล.ไม่เคยแพ้ยา ไม่เคยเป็นเริม

อายุ: 24 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 44 กก. ส่วนสูง: 158ซม. ดัชนีมวลกาย : 17.63 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Yoot*****a

9 เมษายน 2556 06:28:23 #2

" alt="" />

Yoot*****a

9 เมษายน 2556 06:29:19 #3

" alt="" /> อัพรูปไม่ได้ครับบ

Yoot*****a

9 เมษายน 2556 06:29:59 #4

Yoot*****a

10 เมษายน 2556 15:18:31 #5

สรุปว่าเป็น หัด ครับ และ ตอนนี้ผมก็กำลังติดจากแฟน

ผศ.นพ. จรูญ เจตศรีสุภาพ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อนุสาขากุมารเวชศาสตร์ตจวิทยา

12 เมษายน 2556 03:56:31 #6

คุณ yootthana.sata อาจถามแทนพี่สาว, น้องสาวหรือแฟน โดยสรุป ผู้ป่วยเริ่มจากไข้ผนังลำคออักเสบ และเริมที่ปาก ได้ฉีดยา 3 วัน หลังจากนั้นอีก 3 วันจึงมีตุ่ม โดยที่อาการเดิม คือ ไข้ อ่อนเพลียไม่ดีขึ้น รวมแล้วมีไข้ก่อนออกผื่นไม่น้อยกว่า 6 วัน

ตุ่มในภาพเป็นตุ่มสีแดงชมพู ขนาดเล็ก ขอบชัด อยู่กระจายกัน ไม่รวมเป็นปื้น ปรากฏตามลำตัว และแขน

สาเหตุ อาจเป็นจากแพ้ยาครั้งแรก เนื่องจากได้รับยามาหลายชนิด ทั้งยาฉีดยากิน อาจเป็นการแพ้ยาปฏิชีวนะอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพนิซิลลิน กลุ่มเซฟาโลสปอริน กลุ่มเตตร้าซัยคลิน กลุ่มซัลโฟนาไมด์ กลุ่มมาโครไลด์ กลุ่มควิโนโลน หรือ ยาลดการอักเสบ ซึ่งให้เพื่อลดไข้สูง อาการแพ้ยาสามารถเกิดภายหลังการได้รับยาไม่กี่นาที ถึง 3 สัปดาห์หรือมากกว่าก็ได้ ผื่นแพ้ยาทำให้ไข้ไม่ลด อ่อนเพลีย ปวดทั่วร่างกาย อาจคัน มีตุ่มน้ำขึ้น ต่อมน้ำเหลืองโต ตัวเหลืองตาเหลือง หลังจากผื่นหาย ผิวหนังก็กลับมีสีปกติ หรือเหลือเป็นรอยสีน้ำตาลได้

สาเหตุจากการติดเชื้อไวรัส ไวรัสที่ทำให้เป็นผื่นลักษณะแบบนี้ มีได้หลายชนิดเช่น หัดเยอรมัน โดยมากผื่นหัดเยอรมันเป็นตามหลังไข้ 2-3 วัน มีอาการอ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดข้อ ต่อมน้ำเหลืองข้างคอโต เชื้อไวรัสอีกอย่างหนึ่งคือ ไข้เลือดออก ผื่นไข้เลือดออก อาจพบขณะมีไข้ หรือเป็นผื่นแดงทั้งตัวเมื่อไข้ลด กับทั้งปวดท้อง อาเจียนอ่อนเพลีย เจ็บปวดตามร่างกาย

เหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่นไข้รากสาดน้อย ผื่นขึ้นหลังมีไข้ 5 วัน ผู้ป่วยมีไข้สูงลอย กินอาหารไม่ได้ คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลียมาก ปวดท้อง ทานอาหารไม่ได้ อีกอย่างหนึ่งคือไข้รากสาดใหญ่ ผื่นตามหลังไข้สูง 1 สัปดาห์ อาการไข้สูง ผู้ป่วยมีรอยกัดของตัวไรซึ่งเป็นพาหะเชื้อที่อาศัยอยู่ตามพุ่มไม้ รอยกัดกลายเป็นสะเก็ดแข็งสีดำ มักพบที่แขนขา

การวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้อง ทำด้วยการซักประวัติ ตรวจร่างกายอย่างละเอียด และอาจต้องตรวจทางห้องปฏิบัติการอย่างละเอียด

ผู้ป่วยไม่ได้เป็นไข้หวัด คุณ yootthana.sata คงต้องแนะนำให้พบแพทย์ครับ