คุณ ee960 มีผื่นลมพิษนานกว่า 6 สัปดาห์ จัดว่าเป็นลมพิษเรื้อรัง chronic urticaria อาจเป็นเรื้อรังได้หลายๆปี โดยมากมีแต่ทำให้รำคาญ ไม่ค่อยอันตรายครับ

สาเหตุของลมพิษแต่ละราย มีสาเหตุแตกต่างกัน เช่น จากการติดเชื้อโรคพยาธิทั้งชนิดในลำไส้ พยาธิผิวหนัง ได้แก่พยาธิไส้เดือน พยาธิตัวกลมของสุนัข พยาธิใบไม้ตับ พยาธิตัวจี๊ด จากการติดเชื้อไวรัส การติดเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่ โรคแก้วหูอักเสบ โพรงอากาศอักเสบ ฟันผุ มีการอักเสบในช่องปาก ติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ จากการแพ้อาหาร ได้แก่ อาหารทะเลมีเปลือก คือกุ้ง ปู หอย ปลาหมึก ปลา แพ้ไข่ทั้งไข่ขาวและไข่แดง แพ้ข้าวสาลี แพ้เนื้อสัตว์ นมวัว เนย นมถั่วเหลือง ผลไม้ ได้แก่ สับปะรด ทุเรียน มังคุด กล้วย มะม่วง พวกถั่ว ถั่วเหลือง มัน วัตถุเจือปนอาหาร สีผสมอาหาร สารกันบูด ซีอิ๊ว เต้าเจี้ยว ขนมถุง แมลงกัดต่อย ได้แก่ ยุง มด ผึ้ง ตัวต่อ แตน การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น เป็นมากขึ้นเวลาใกล้มีประจำเดือน เป็นขณะตั้งครรภ์ มีประวัติกินยาคุมกำเนิด หรือกินยาฮอร์โมนทดแทนกรณีต้องตัดรังไข่ทิ้งทั้ง 2 ข้าง บางรายเป็นตอนวัยหมดประจำเดือน เป็นต้น จากการแพ้ยาปฏิชีวนะ แพ้ยาลดการอักเสบ แพ้ยาลดความดันโลหิต ได้แก่ ยากลุ่มขยายหลอดเลือด Angiotensin-Converting Enzyme Inhibitors ตลอดจนสารก่อภูมิแพ้ในสิ่งแวดล้อมมากมาย คือ ฝุ่น ไรฝุ่นบ้าน เชื้อราที่ปนเปื้อนในอากาศ ราดำ ขนและรังแคของสุนัข แมว หนู กระต่าย ละอองเกสร ละอองดอกหญ้า ดอกวัชพืช เป็นต้น

สาเหตุทางกายภาพ เช่น จากการข่วนขีดเกา เรียกว่า dermographism จากการยกจับของ แบกของ ถือของ หิ้วของ การยืนการเดินเป็นเวลานานๆ เรียกว่า pressure urticaria จากเล่นกีฬา มีเหงื่อออก อากาศรอบตัวร้อนมาก อาบน้ำร้อน ตื่นเต้นมาก เหงื่อซึม ใจสั่น เรียกว่า cholinergic urticaria แพ้สัมผัสของเย็น เรียกว่า cold urticaria พวกนี้ก็ทำให้เป็นลมพิษเรื้อรัง

น้อยรายครับที่ลมพิษเรื้อรังจะเป็นอาการนำของโรคร้ายแรง เช่น โรคเอสแอลอี SLE โรคต่อมไทรอยด์อักเสบจากภูมิคุ้มกันตัวเอง หรือเป็นมะเร็ง

ผื่นลมพิษ เป็นผื่นคัน มีสีแดงจากปฏิกิริยาภูมิแพ้ ทำให้หลอดเลือดฝอยที่ชั้นผิวหนังขยาย เป็นผลจากการหลั่งสารฮิสทามีน และสารตัวกลางก่อปฏิกิริยาแพ้ต่างๆ มีวงนูน อาจนูนขนาดเท่าตุ่มยุงกัด บางผื่นอาจนูนเป็นปื้นใหญ่ขนาดฝ่ามือ จากการซึมผ่านผนังหลอดเลือดฝอยของน้ำเลือดหรือพลาสมา (plasma) หากเป็นมาก(คือมีปฏิกิริยาแพ้มาก) ผื่นแบบนี้บวมนูน และอาจไม่มีสีแดง เรียกว่า angioedema ที่เยื่อบุหนังตา ทำให้ตาบวม ที่ริมฝีปาก ก็ทำให้ปากบวม ที่มือเท้า ทำให้มือเท้าบวม เกิดจากการบวมลึกลงไปถึงชั้นหนังแท้ส่วนล่าง หรือถึงชั้นไขมัน

กรณีที่อันตราย คือมีอาการแพ้มาก ผื่นขึ้นมาก คันมาก บวมมาก angioedema ปวดท้องมาก หายใจติดขัด หรือมีความดันโลหิตลดลง เป็นภาวะแอนาฟิแล็กซิส anaphylaxis ถึงกับเสียชีวิตได้เหมือนกัน

การซักประวัติและตรวจร่างกายเพื่อหาสาเหตุของลมพิษเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ส่วนการตรวจทางห้องปฏิบัติ โดยมากทำการตรวจเลือดทั่วไป ตรวจวิเคราะห์ปัสสาวะ ตรวจอุจจาระ ตรวจภูมิแพ้ทางผิวหนังวิธีสะกิด (skin prick test) บางรายอาจจำเป็นต้องตรวจภูมิคุ้มกันจากเลือดเพื่อหาสารก่อภูมิแพ้ที่สงสัย Radioallergosorbent test (RAST)

การป้องกันคือ หลีกเลี่ยงสาเหตุ ส่วนการรักษา คือการให้กินยาแก้แพ้ต้านสารฮิสทามีน ซึ่งยากลุ่มนี้เราสามารถหาซื้อได้เองโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ over the counter drug จึงเป็นยาที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูงและมีผลการรักษาที่ดี

กรณีลมพิษเรื้อรังอาจต้องให้ติดต่อกันหลายเดือน ส่วนมากเมื่อรับประทานต่อเนื่อง 2-3 เดือนก็มักควบคุมอาการได้ และยังไม่มียาที่สามารถรักษาให้หายได้ทันที

หากคุณ ee960 มีอาการเป็นต่อเนื่องควรปรึกษาแพทย์ครับ

สวัสดีครับ ผมอ่านบอร์ดกระดานสุขภาพ ของคุณหมอ วันที่ 07 เมษายน 2013 สาเหตุของลมพิษของผมคือพยาธิตัวจิ๊ดคับ

ตอนนี้ก็ใกล้หายดีแล้วครับ แต่ว่าอาการที่ยังมีอยู่คือ

1.น้ำตายังไหลอยู่เหมือนตาแห้ง แต่นานๆค่อไหลครับ หรือเวลาจ้องแสงแดด ก็จะไหลเลย โดนลมก็จะไหล ปกติไม่ครับ

2.ใบหน้ายังตึงอยู่เลยครับ ยิ้มไม่ได้เลยครับ เวลาทานข้าวจะต้องใช้มือช่วย ไม่งั้นหกหมดครับ

   ( ผมไปหาหมอที่ รพ.ศรีนครินทร์ มาแล้ว ตรวจเช็คเส้นประสาท ที่ 5 กับ 7 ด้วยเครื่อง คุณหมอก็ยังหาสาเหตุไม่ได้

 ขอคำแนะนำจากคถณหมอด้วยครับ ขอบคุณมากครับ