กระดานสุขภาพ

ผมแพ้อะไรหรือเป็นโรคอะไร
Bang*****8

25 พฤษภาคม 2561 13:29:06 #1

เวลาผมทำงานช่วงนี้เหงื่อออกเยอะแล้วพอมีเหงือผื่นขึ้นเต็มหน้าท้องเลยตกเย็นเริ่มยุบวันต่อมาทำงานเป็นเหมือนเดิม
อายุ: 19 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 63 กก. ส่วนสูง: 173ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.05 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

25 พฤษภาคม 2561 18:17:58 #2

เรียนคุณ Bang1998

เนื่องจากเป็นโรคผิวหนัง เมื่อไม่เห็นภาพ ไม่ได้ตรวจร่างกาย อาจบอกได้ยากค่ะ ว่าเป็นอะไร ถ้าเป็นไปได้ รบกวนบอกอาการเพิ่มเติม และแนบรูปมาด้วยค่ะ

วิธีการอัพโหลดรูปขึ้นเว็บเราสามารถทำได้ดังนี้ค่ะ

1.นำรูปของคุณไปฝากไว้ที่เว็บฝากรูป เช่น http://upic.me (หรือเว็บฝากรูปอื่นๆ)

2.เอาลิ้งก์หรือ URL ที่ได้มาแปะในกระทู้ (กรณีที่คุณไม่สะดวกจะเปิดเผยรูป) หรือ จะใช้ปุ่ม Insert/Edit Image (ที่เป็นรูปต้นไม้ด้านล่าง) แล้วเอาลิ้งก์หรือ URL แปะเข้าไปในช่อง Image URL ก็ได้คะ

หากคุณทำตามวิธีที่ 1 และ 2 แล้วยังไม่สามารถลงได้ สามารถส่งรูปของคุณมาได้ที่ info@haamor.com ค่ะ โดยส่งลิงค์กระทู้ หรือชื่อกระทู้มาด้วยนะคะ (ช่วยแจ้งในกระทู้ด้วยนะคะว่าส่งรูปมาแล้ว)

ปล. ทางเรามีเพจ Facebook นะคะ หากท่านในมีปัญหา ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการติดต่อนะค่ะ

https://www.facebook.com/haamor/

Bang*****8

28 พฤษภาคม 2561 01:48:13 #3

Bang*****8

28 พฤษภาคม 2561 07:29:14 #4

สรุปความเป็นไปได้และแนวทางการรักษาเบื้องต้นให้หน่อยนะครับฟมอ
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

28 พฤษภาคม 2561 18:38:56 #5

ดูจากรูปที่ส่งมา เห็นเป็นผื่นแดงๆหลายตุ่ม อยู่ทั่วบริเวณหน้าอก สาเหตุ 1. แพ้หรือระคายเคืองต่อสารที่สัมผัส เช่น ฝุ่นละออง สบู่ สารเคมีหรือเหงื่อ เป็นต้น รักษาโดยการหลีกเลี่ยงสารที่สงสัยว่าจะแพ้ กินยาแก้แพ้ เช่น atarax ครั้งละ 10 มิลลิกรัม เช้าเย็น ทายาแกแพ้ เช่น triamcinolone ทาบางๆ เช้าเย็น 2. ต่อมใต้ผิวหนังอักเสบ คล้ายกับการเกิดสิวที่ใบหน้า รักษาโดยการกินยาแก้อักเสบ ทายารักษาสิว และระวังเรื่องความสะอาด รักษาสุขอนามัย 3. โรคติดเชื้อไวรัสที่ทำให้มีผื่น เช่น ไข้หวัดใหญ่ หัด หัดเยอรมัน ไวรัสที่ทำให้เป็นส่าไข้ ส่วนใหญ่จะมีไข้มาก่อนหลายวัน คล้ายไข้หวัด หลังจากนั้นก็จะมีผื่นขึ้นตามตัว การรักษาขึ้นอยู่กับสาเหตุ 4. ถ้ามีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ เช่น เที่ยวหญิงบริการ ไม่ใช้ถุงหรือเป็นชายรักร่วมเพศ ก็อาจจะเป็นอาการของโรคติดต่อ เช่น ผื่นระยะที่สองของโรคซิฟิลิสหรืออาการของการติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์ อาการของการติดเชื้อเอชไอวีซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเอดส์ คือ เมื่อรับเชื้อหรือมีพฤติกรรมเสี่ยงแล้วประมาณ 2-4 อาทิตย์ จะมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้สูง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่นตามตัว คล้ายออกหัด หรือส่าไข้ เป็นต้น หลังจากนั้น อาการต่างๆก็จะหายไป จนเมื่อมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องซึ่งอาจนานหลายปี (3-5 ปีขึ้นไป) ก็จะเริ่มมีโรคแทรกซ้อน เช่น วัณโรค ปอดอักเสบ ตุ่มคันตามตัว แขนขา (PPE) น้ำหนักลด ท้องเสียเรื้อรัง ซึ่งสามารถยืนยันว่ามีการติดเชื้อหรือไม่โดยการตรวจเลือด วิธีที่ตรวจได้เร็วที่สุดหลังมีความเสี่ยงคือการตรวจด้วยด้วยวิธี NAAT คือการตรวจส่วนของเชื้อไวรัสเอชไอวีสามารถตรวจได้เร็วขึ้น คือประมาณ 1 อาทิตย์หลังมีความเสี่ยง แต่จะมีตรวจเฉพาะห้องแล็บใหญ่ๆและมักใช้ในงานวิจัย เนื่องจากมีราคาแพง แนะนำให้ตรวจด้วยวิธีที่ใช้กันทั่วไป คือ GEN 4 ซึ่งเป็นการตรวจแอนติเจนและแอนติบอดี สามารถตรวจได้หลังมีความเสี่ยงประมาณ 3-4 อาทิตย์ ถ้าผลเป็นลบ ก็แสดงว่าไม่ติดเชื้อ แต่ควรตรวจซ้ำหลังเสี่ยงครบ 3 เดือน ซึ่งถ้าผลเป็นลบ ก็ไม่ติดเชื้อเอดส์ สามารถตรวจได้โดยใช้สิทธิบัตรทองหรือประกันสังคม ไม่ต้องเสียค่าตรวจ โดยสรุป อาจจะเป็นจากการแพ้หรือเป็นสิว แต่ถ้ามีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ก็ควรจะตรวจเลือดเอดส์ด้วย แนะนำหาหมอครับ

รศ.พญ.เปรมจิต จันทองจีน

แพทย์โรคผิวหนัง

29 พฤษภาคม 2561 16:28:19 #6

 

จากประวัติผื่น เป็น ๆ หาย ๆ ภายใน 1 วัน ที่คิดถึงมากที่สุดก็คือกลุ่มลมพิษ

ลมพิษโดยทั่วไปแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ

  • 1.ลมพิษฉับพลัน มักเกิดในระยะเวลาไม่เกิน 6 สัปดาห์ สาเหตุมักเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ยา อาหารเสริม การติดเชื้อ เป็นต้น
  • 2.ลมพิษเรื้อรัง มักเป็นๆหายๆ ในระยะเวลามากกว่า 6 สัปดาห์ ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุ หรือสาเหตุที่อาจเป็นไปได้เช่น โรคธัยรอยด์ ภาวะซีดบางชนิด การติดเชื้อบางอย่าง เป็นต้น หรือเป็นลมพิษที่สัมพันธ์กับปัจจัยทางกายภาพ เช่นอากาศร้อน หรือเย็น

อย่างไรก็ตาม ลักษณะเด่นของลมพิษคือ ผื่นบวม แดง คัน เป็นๆ หายๆ หายได้ภายใน 24 ชั่วโมง หายแล้วไม่เหลือรอย ในขณะที่ลมพิษที่เป็นและรักษายาก เป็นอยู่นานมากกว่า 24 ชั่วโมง และเมื่อหายแล้วเหลือเป็นรอยดำ คือลมพิษที่มีเส้นเลือดอักเสบร่วมด้วย (Urticarial vasculitis) ซึ่งลมพิษชนิดนี้ จำเป็นต้องได้รับการตรวจยืนยันการวินิจฉัยโดยทางตรวจชิ้นเนื้อทางห้องปฏิบัติการ และอาจจำเป็นต้องตรวจเลือดเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่เกี่ยวข้องด้วย

สำหรับในกรณีไม่แน่ใจว่าเป็นมานานเพียงใด หายแล้วมีรอยโรคเหลืออยู่หรือไม่ หรือกลายเป็นผิวปกติ

การรักษา

  • 1.หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น
  • 2.รับประทานยาแก้แพ้ เพื่อควบคุมอาการต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ถ้าอาการไม่ดีขึ้น แนะนำไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย ซักประวัติเพิ่มเติม หรืออาจจำเป็นต้องตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการเพื่อให้การวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมต่อไป