กระดานสุขภาพ

เกิดจุดแดง ไม่คัน
BaJh*****w

5 เมษายน 2556 03:10:28 #1

-เวลาโดนยุงกัด ตุ่มมันจะไม่หายไปภายในวันเดียว ยิ่งเกาก็ยิ่งคัน พอตุ่มหายก็จะทิ้งรอยดำไว้ 

-เกิดจุดแดง ไม่นูน ไม่คัน คล้ายมันห้อเลือดใต้ผิวหนัง ตามตัว แขนขา แต่จะห่างๆกัน  

- เวลาเป็นสิวช่วงนี้อักเสบง่ายมากปกติจะไม่ค่อยอักเสบ 

หนูอยากรู้ว่าทำไมหนูถึงเป็น มันพึ่งเป็นประมาณหนึ่งเดือนค่ะ

อายุ: 19 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 40 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 15.63 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ผศ.นพ. จรูญ เจตศรีสุภาพ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อนุสาขากุมารเวชศาสตร์ตจวิทยา

6 เมษายน 2556 06:29:52 #2

- ตุ่มยุงกัด เป็นตุ่มนูนแดง ขนาดเล็กประมาณ 1 ซม. เหมือนลมพิษเม็ดเล็กๆ เรียกว่า Papular urticaria บางครั้งเป็นผื่นราบสีแดง ตุ่มยุงกัดอาจเป็นแต่ละครั้งไม่กี่ชั่วโมง หรืออาจนานเป็นวัน แล้วค่อยๆยุบไป ไม่ทิ้งรอย ตำแหน่งที่เป็น คือ แขนขาด้านนอก ได้แก่ส่วนที่อยู่นอกเสื้อผ้า ภายในร่มผ้าพบน้อย เนื่องจากยุงไม่สามารถสอดแทรกเข้าไปกัด

บางรายปฏิกิริยาการอักเสบเป็นมาก ทำให้เป็นตุ่มนูน เป็นตุ่มน้ำ คันมาก คันนาน เกามาก ทำให้ภายหลังถูกกัด ผื่นไม่เลือนหายไป เหลือผื่นสีน้ำตาลทิ้งไว้หลายๆเดือนๆ จึงค่อยๆจางหาย

การป้องกัน คือไม่ให้ยุงกัด และเลี่ยงการเกา การแกะให้เป็นแผล

- เรื่องจุดแดงไม่นูน คล้ายห้อเลือดตามแขนขา เป็นอาการของเลือดออกใต้ผิวหนัง ที่ชั้นหนังแท้ส่วนบน โรคที่พบบ่อย คือ Acquired platelet dysfunction with eosinophilia APDE โรคนี้เป็นภาวะที่คุณภาพการทำงานของเกล็ดเลือดผิดปกติ ร่วมกับจำนวนเม็ดเลือดขาว eosinophil เพิ่มขึ้น เกล็ดเลือดมีความสำคัญในกลไกการห้ามเลือดโดยเกล็ดเลือดปกติจะเกาะกลุ่มกัน เกิดเป็นลิ่มเลือดอุดรอบๆหลอดเลือดที่ได้รับอันตราย หรือมีการฉีกขาด ทำให้เลือดแข็งตัว และหยุดไหล โรค APDE เกล็ดเลือดมีขนาดใหญ่กว่าปกติ มีเม็ดเล็กๆภายในเกล็ดเลือดน้อยลง เมื่อย้อมดูทางกล้องจุลทรรศน์จะเห็นติดสีจาง โดยมีจำนวนปกติ การทำงานผิดปกติของเกล็ดเลือด ทำให้เลือดออกง่าย ปรากฏเป็นจุดเลือดออกสีแดง หรือเป็นจ้ำเลือดขนาด 1 ซม. หรือเป็นรอยฟกช้ำสีม่วง หรือสีน้ำตาล โดยไม่มีอาการอย่างอื่น อาการจะเป็นอยู่ได้นานเป็นปี แล้วจะดีขึ้นและหายไปเอง

ส่วนการมีจำนวนเม็ดเลือดขาว eosinophil เพิ่มขึ้น อาจเป็นเพราะร่างกายมีปฏิกิริยาสร้างภูมิคุ้มกันตอบสนองกับการติดเชื้อพยาธิลำไส้ หรือพยาธิผิวหนัง

คุณ BaJhoWw จึงน่าจะได้รับการตรวจเลือด และตรวจอุจจาระให้ละเอียดด้วย

การป้องกัน ต้องระวังการเกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ หลีกเลี่ยงการถอนฟัน การผ่าตัด ที่จะทำให้เลือดออกง่าย

- เรื่องสิวที่อักเสบมาก คุณ BaJhoWw คงหมายถึงตุ่มสิวแดงนูนมีจำนวนเม็ดสิวเพิ่มขึ้น สันนิษฐานก่อนว่าเป็นสิวจริง ซึ่งมีสาเหตุจากฮอร์โมนเพศภายในร่างกายมีความไม่สมดุล จะเป็นทุกเดือนเมื่อใกล้แต่ละรอบของประจำเดือน และจากความเครียดเรื่องเรียน เรื่องงาน เรื่องครอบครัว ความเครียดมีผลทำให้ต่อมหมวกไตสร้างฮอร์โมนต่อมหมวกไตเพิ่มขึ้น ก็ทำให้สิวเพิ่มขึ้น

หรืออาจเป็นเพราะได้รับฮอร์โมนจากภายนอก เช่น สารสเตรอยด์จากยา หรือครีม โลชั่น โทนเนอร์ เซรั่ม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหนัง ที่เนื้อเหนียวเหนอะหนะ เป็นมัน อุดตันรูขุมขน ก็ทำให้เกิดสิว

แต่คุณ BaJhoWw ก็อาจเป็นอย่างอื่นได้ เช่น

  • โรครูขุมขนอักเสบ Folliculitis มีลักษณะเป็นผื่นแดง มีตุ่ม ตุ่มหนองที่รูขน เป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย
  • โรคโรซาเซีย Rosacea ก็มีตุ่มแดง มีตุ่มหนอง เส้นเลือดฝอยขยายตัว หน้าแดงคล้ายกับสิว บวมมากขึ้น

หากอาการผิดปกติยังมีต่อเนื่องควรปรึกษาแพทย์ครับ