กระดานสุขภาพ

อยากทราบสาเหตุค่ะ
Anonymous

29 เมษายน 2561 01:11:26 #1

เมื่อตอนเดือน พค.60 แฟนบอกว่าเป็นหนองใน มีอาการคันที่อวัยวะเพศ และมีหนองไหลออกมา อาการจะออกแต่ฝ่ายชายนะคะ เพราะของดิฉันไม่มีอาการอะไรทั้งสิ้นค่ะ แล้วเราก้อรักษาด้วยกันทั้งคู่ค่ะ ผ่านมาช่วงเดือนมีนา 61 แฟนก้อบอกอีกว่าเป็นหนองใน หลังจากที่เรามีเพศสัมพันธ์กัน 15 วัน เขาก้อโทรมาบอกว่าเป็นอีกค่ะ ครั้งนี้เหมือนหลักกว่าครั้งที่แล้ว เพราะเขาฉีดยาและได้ยากินมา 1 อาทิตย์และก้อต้องไปฉีดยาอีก รวมฉีด 2 ครั้ง ส่วนดิฉันก้อรักษาด้วยการฉีดและกินยาเหมือน แต่อาการก้อไม่มีค่ะ พอหายดีแล้ว... เราทั้งคู่ก้อยังไม่ได้เจอกัน จนกระทั้งมื้อเช้านิค่ะ เขาโทรและส่งรูปมาให้ดูอีกว่ามันคัน แล้วก้อมีแผลขึ้นบริเวรรอบๆปลายอวัยวะเพศ ดิฉันจึงบอกให้เขารีบไปหาหมอทันทีค่ะ อยากทราบว่าทำไมแฟนถึงจะเป็นอีกคะ ทั้งๆที่ยังไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับแฟนเลยค่ะ สาเหตุเกิดจากอะไร รักษาหายมั้ยคะ แล้วดิฉันจะต้องไปรักษาด้วยรึป่าวคะรอบนี้ รบกวนคุณหมอให้คำตอบดเวยนะคะ เพราะตอนนี้เราทั้งคู่จิตตกมา คิดมากทำอะไรไม่ถูกเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ
อายุ: 27 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 76 กก. ส่วนสูง: 153ซม. ดัชนีมวลกาย : 32.47 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

30 เมษายน 2561 07:29:48 #2

  • จากอาการที่เล่ามา มีสองประเด็นคือ เรื่องปัสสาวะแสบมีหนองน่าจะเป็นระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบซึ่งแบ่งเป็น 1 ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์หรือกามโรค ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 1-2 อาทิตย์ ในปัจจุบันมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า ในกรณีที่เป็นๆหายๆ โดยทั่วไปมักเกิดจากการไปติดเชื้อใหม่ จากคู่นอน ซึ่งในผู้หญิงไม่ค่อยมีอาการผิดปกติและไม่รู้ว่าเป็นโรค เพราะฉะนั้นต้อง
  • รักษาทั้งคู่ครับ อย่างไรก็ตามพบว่าประมาณร้อยละ 50 อาจมีการติดเชื้อร่วมกัน คือเป็นทั้งหนองในแท้และเทียม ก็ต้องรักษาทั้ง 2
  • โรคคือ ทั้งฉีดและกิน 2 ไม่มีความเสี่ยง ระบบทางเดินปัสสาวะอักเสบเกิดจากเชื้อแบคทีเรียอื่น เช่นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นิ่วในไต เป็นต้น ในกรณีของคุณถ้าแฟนคุณมีความเสี่ยงคือมีเพศสัมพันธ์กับหญิงอื่นหรือเที่ยวหญิงบริการ ก็น่าจะเป็นหนองในและหรือหนองในเทียม ส่วนเรื่องแผล อาจเป็นเริม ซึ่งถ้าเป็นเริม รอยโรคจะเริ่มด้วยการเป็นตุ่มแดง
  • แล้วกลายเป็นตุ่มน้ำใสๆ ภายใน 1-2 วัน
  • ตุ่มน้ำจะแตกออกกลายเป็นแผลตื้นๆ เริมเป็นสาเหตุของแผลที่อวัยวะเพศที่พบบ่อยที่สุด
  • เกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม
  • ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโต
  • รักษาโดยใช้ยา aciclovir 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชม. 5-7 วัน และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ
  • เพราะจะมีเชื้อเริม ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่เรียกว่า เฮอร์ปีส์ (Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ
  • แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรง หรืออาจจะเกิดจากการแพ้ระคายเคืองสารที่ใช้ร่วมกับเชื้อรา ทำให้มีอาการคันและเป็นแผลเปื่อยยุ่ย โยสรุป ถ้ามีความเสี่ยงน่าจะเป็นหนองใน หนองในเทียม ส่วนเรื่องแผลขึ้นอยู่กับลักษณะของแผล แนะนำหาหมอหรือส่งรูปถ่ายชัดๆบริเวณที่เป็นแผลและให้ข้อมูลทางเพศสัมพันธ์เพิ่มเติมด้วยครับ