กระดานสุขภาพ

มีอาการแปลกๆ คล้ายหวัด แต่มีไข้อ่อนๆ ประมาณ 3 วันมาแล้ว
Sant*****_

10 มีนาคม 2561 10:46:54 #1

สวัสดีครับ 

ผมมีอาการคือ มีไข้อ่อนๆ เป็นมา 3 วันแล้วครับ ไข้มักเป็นตอนบ่ายๆ และกลางคืน หรือหลังไทลินอลหมดฤทธ์ครับ 

นอกจากนั้น ไม่มีอาการจาม ไอ ไม่มีน้ำมูก มีแค่เสมหะสีน้ำตาลเข้ม ปนสีแดงอ่อนๆ (สงสัยเป็นเลือดหรือเปล่า) มักเป็นตอนตื่นนอน อาการเจ็บคอไม่มีครับ มีเฉพาะตอนที่มีเสมหะ พอเอาเสมหะออกเจ็คอก็หายไป ในหนึ่งวันไม่ค่อยมีเสมหะครับ ถึงมีก็สีไม่เข้มแล้ว เป็นแค่สีขาว เมือกๆ มีน้ำตาลอ่อนๆ บ้าง แต่จางมากครับ และมีปวดเมื่อยตามคอตามไหล่ครับ

 

หลังทานไทลินอลก็จะหายไป ตอนนี้ผมสงสัยว่าเป็นอะไรกันแน่ เพราะหวัดก็เพิ่งเป็นเมื่อเดือนที่แล้ว เลยคิดว่าไม่น่าจะเป็นซ้ำได้ อีกอย่างนะครับ อาการโดยรวมไม่ได้เป็นหนักขนาดทำงานไม่ได้นะครับ ยังทำงานได้ตามปกติ 

 

ฉะนั้นขอถามคุณหมอหน่อยครับ จริงๆ แล้วหวัดเป็นซ้ำได้ไหม แล้วจากอาการข้างต้นเป็นอะไรได้บ้างครับ ตอนนี้ทานไทลินอล แบบ 650 mg 8 ชม มา 3 วันแล้วครับ ผมคิดว่าถ้า 5 วัน ยังไม่หายจะไป รพ เหมือนกันครับ ตอนนี้รักษาตัวเองไปก่อน

 

ขอบคุณครับ 

อายุ: 24 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 57 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.72 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
พญ.กิติพร กวียานนท์

แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป

12 มีนาคม 2561 09:28:30 #2

ขออนุญาตให้ความรู้ในเรื่องไข้หวัดก่อนนะคะ

โรคหวัดเป็นโรคพบบ่อยมาก ทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก โดยเฉพาะเด็กในปฐมวัย ซึ่งมักพบเป็นหวัดได้บ่อยถึงปีละ 6-8 ครั้ง เพราะเด็กมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำกว่าผู้ ใหญ่ โดยเฉพาะเด็กอนุบาล จึงมีโอกาสเป็นหวัดได้บ่อยกว่าผู้ใหญ่มาก โรคหวัดเป็นโรคเกิดได้ตลอดปี แต่พบบ่อยกว่าในหน้าฝนและหน้าหนาว

โรคหวัดเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ชนิดที่ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะระบบทางเดินหาย ใจ ซึ่งมีหลากหลายชนิด แต่กลุ่มใหญ่คือกลุ่ม ไรโนไวรัส (Rhinoviruses) และ โคโรนาไวรัส(Coronaviruses)
โดยทั่วไป โรคหวัดมีอาการไม่รุนแรง อาจมีไข้ได้ แต่เป็นไข้ไม่สูง (ไม่เกิน 38 องศาเซล เซียส/Celsius/C) อาจปวดศีรษะ(ไม่มาก) ปวดเมื่อยตัว มีแสบตา มีคัดจมูก จาม ไอ เสียงแหบ มีน้ำมูกใส อาจมีอ่อนเพลีย (แต่ไม่มาก) บางครั้งอาจมีอาการเจ็บคอ ปวดท้อง อาเจียน หรือ ท้อง เสียได้บ้าง อาการแตกต่างกันได้มากในแต่ละครั้งของการเป็นหวัด แต่โดยทั่วไปอาการไม่มาก

การดูแลตนเองและการพบแพทย์เมื่อเป็นหวัด ได้แก่

  • พักผ่อนให้เพียงพอ และรักษาร่างกายให้อบอุ่น
  • กินยาพาราเซตามอลลดไข้ ไม่ควรใช้ยาแอสไพรินเพราะอาจเกิดผลข้างเคียงแทรกซ้อนจากยาได้ (การแพ้ยาแอสไพริน)
  • บ้วนปากด้วยน้ำเกลือบ่อยๆ (เมื่อทำเอง อย่าให้เค็มมาก) และทุกครั้งหลังกินอาหาร และ ดื่มเครื่องดื่ม
  • กินยาลดน้ำมูก และ/หรือ ยาบรรเทาอาการไอ (ปรึกษาเภสัชกรก่อนซื้อยากินเอง)
  • ดื่มน้ำสะอาดให้ได้อย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว เมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำดื่ม
  • งดบุหรี่ หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • รู้จักใช้หน้ากากอนามัย

รีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เมื่อ

  • - มีไข้สูง และไข้ไม่ลงใน 1-3 วัน ทั้งนี้ขึ้นกับสุขภาพดั้งเดิม
  • - มีไข้ร่วมกับขึ้นผื่น
  • - ไอมาก
  • - มีเสมหะสีเหลือง หรือ เขียว เสมหะปนเลือด
  • - เจ็บคอมาก และ/หรือ กินอาหารได้น้อย
  • - ปวดศีรษะ เจ็บตำแหน่งไซนัสมากขึ้น
  • - หายใจ เหนื่อย หอบ หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก
  • - เสียงแหบไม่ดีขึ้นหลังหวัดหายแล้ว เพราะเป็นอาการของโรคสายเสียง อาจจากโรคมะเร็งกล่องเสียงได้ (เมื่อเป็นผู้ใหญ่ หรือ ผู้สูงอายุ)
  • - ปวดหู มีน้ำออกจากหู (หูติดเชื้อ)
  • - เมื่ออาการต่างๆเลวลง หรือมีอาการต่างๆเพิ่มมากขึ้น หรืออาการไม่หายภาย ใน 10-15 วัน
  • - มีความกังวลในอาการ

ตอนนี้จึงแนะนำให้ไปพบแพทย์นะคะ เพื่อตรวจให้ละเอียดค่ะ