กระดานสุขภาพ

ปวดหลัง
Anonymous

8 มีนาคม 2561 03:52:42 #1

มีอาการปวดหลังบริเวณบันท้ายตรงเอวๆค่ะเวลายกขาก็จะปวดนั่งก็ปวดมากค่ะอยากทราบว่าดิฉันเป็นอะไรค่ะ
อายุ: 22 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 78 กก. ส่วนสูง: 162ซม. ดัชนีมวลกาย : 29.72 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
พญ.กิติพร กวียานนท์

แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป

11 มีนาคม 2561 08:46:47 #2

หลังช่วงล่าง (Low back) คือ ตำแหน่งด้านหลังช่วงจากปลายกระดูกซี่โครงซี่สุดท้ายลงมาจนถึงตำแหน่งกระดูกใต้กระเบนเหน็บ (Sacrum) ซึ่งเป็นตำแหน่งของกระดูกสันหลัง (Spine) ส่วนเอว ข้อที่ 1 (Lumbar spine เรียกย่อว่า L spine ซึ่งมีทั้งหมด 5ข้อ) ไปจนถึงกระ ดูกใต้กระเบนเหน็บข้อที่ 1 (Sacrum เรียกย่อว่า S spine ซึ่งมีทั้งหมด 5 ข้อ) ทั้งนี้ ส่วนหลังช่วงล่าง ประกอบด้วยเนื้อเยื่อ/อวัยวะที่สำคัญ และเป็นต้นเหตุให้เกิดอาการเจ็บปวด คือ กล้าม เนื้อ เอ็น กระดูกสันหลังหมอนรองกระดูกสันหลัง ไขสันหลัง และเส้นประสาท

อาการปวดหลังช่วงล่าง เกิดได้จากหลายกลไก ทั้งจากการเสื่อม และโรคกล้ามเนื้อ โรคของเอ็น โรคกระดูก และโรคหมอนรองกระดูกสันหลัง ซึ่งการเสื่อมเหล่านี้ยังส่งผลให้เกิดปุ่มกระดูกงอกเล็ก ๆ (Osteophyte) ซึ่งเป็นกลไกที่ร่างกายใช้ซ่อมแซมเนื้อเยื่อกระดูกสันหลังที่เสื่อมถอย ส่งผลให้เกิดการเบียดกดประสาทไขสันหลัง ส่งผลให้เกิดอาการ ปวด เจ็บ ชา กล้ามเนื้อหลังและกล้ามเนื้อขาอ่อนแรง รวมทั้งส่งผลถึงการทำงานของกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกราน กล้ามเนื้อของกระเพาะปัสสาวะ และของทวารหนัก ส่งผลให้กล้ามเนื้อควบคุมการขับถ่ายเหล่านี้หย่อนยาน จึงเกิดการกลั้นปัสสาวะและอุจจาระได้น้อยลง ทั้งนี้เพราะส่วนหลังช่วงล่าง มีหน้าที่รองรับน้ำ หนักของร่างกาย เป็นส่วนที่ร่างกายใช้เคลื่อนไหวซ้ำๆตลอดเวลา เพื่อการทรงตัว การทำงาน การออกกำลังกาย การเล่นกีฬา การหยิบจับ ก้ม เงย ยกของ ดังนั้น จึงเกิดการเสื่อมถอยของเซลล์ต่างๆได้ง่ายเมื่อมีอายุสูงขึ้น

สาเหตุของการปวดหลังช่วงล่าง ได้แก่

  • การทำงานมากเกินไปของกล้ามเนื้อหลัง กล้ามเนื้อจึงเกิดการบาดเจ็บอักเสบ (โดยไม่มีการติดเชื้อ) ซึ่งพบเป็นสาเหตุได้เท่ากับหรือมากกว่า 70% ของการปวดหลังช่วงล่างทั้งหมด
  • โรค/ภาวะ ปวดหลังจากหมอนรองกระดูกเสื่อม พบเป็นสาเหตุประมาณ 14%
  • โรค/ภาวะกระดูกสันหลังยุบตัวจากภาวะ/โรคกระดูกพรุน พบประมาณ 4%
  • กระดูกสันหลังเคลื่อนจากสาเหตุต่างๆ เช่น ยกของหนัก เล่นกีฬา พบประมาณ 2%
  • โรค/ภาวะโพรงกระดูกสันหลังเอวตีบแคบ(Lumbar spinal stenosis) จึงเบียดรัดประ สาทสันหลัง พบประมาณ 3%
  • กระดูก หรือเนื้อเยื่อหลังช่วงล่างติดเชื้อ พบประมาณ 0.01%
  • กระดูกหลังช่วงล่างอักเสบจากโรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเอง พบประมาณ 0.3%
  • โรคมะเร็งแพร่กระจายสู่กระดูกสันหลังช่วงล่าง พบประมาณ 0.7%
  • เป็นอาการปวดสืบเนื่องมาจากเนื้อเยื่อ/อวัยวะในช่องท้อง หรือในอุ้งเชิงกราน พบประมาณ 2% เช่น จากการอักเสบของต่อมลูกหมาก มดลูก โรค/ภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ โรคนิ่วในไต โรคนิ่วในท่อไต โรคนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือโรคกรวยไตอักเสบ

อาการที่พบได้จากปวดหลังช่วงล่าง คือ

  • ปวดหลังบนกระดูกสันหลังช่วงล่าง และ/หรือ ปวดทั้งแผ่นหลัง
  • อาจปวดร้าวลงขาด้านใดด้านหนึ่ง มักเกิดเพียงด้านเดียว
  • เคลื่อนไหวหลังไม่ได้เพราะเจ็บ/ปวด ก้มตัวไม่ได้ เพราะเจ็บ
  • ยืนตรงไม่ได้เพราะเจ็บ/ปวดหลัง

อาการปวดหลังช่วงล่างที่ต้องรีบพบแพทย์ ภายใน 1-2 วัน หรือ ฉุกเฉินขึ้นกับความรุนแรงของอาการ คือ มีอาการปวดหลังร่วมกับ

  • ปวดหลังมาก โดยเฉพาะเมื่ออายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
  • มีไข้ หนาวสั่น หรือมีอาการทางปัสสาวะ เช่น ปวด เบ่ง แสบ เมื่อปัสสาวะ
  • ส่วนหลังได้รับอุบัติเหตุ
  • ปวดหลังมากช่วงกลางคืน หรือถึงแม้นอนพัก
  • ปวดบริเวณก้นกบ (กระดูกสันหลังชิ้นที่อยู่ล่างสุดของลำตัว)
  • ชาบริเวณขา เท้า
  • กลั้นอุจจาระ และ/หรือปัสสาวะไม่อยู่
  • เป็นโรคกระดูกพรุน โรคกระดูกบาง
  • เป็นโรคมะเร็ง
  • กินยาสเตียรอยด์ต่อเนื่อง เพราะผลข้างเคียงของยาตัวนี้ คือ ทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน
  • ใช้ยาเสพติด เพราะส่งผลให้เกิดการอักเสบของเนื้อเยื่อต่างๆได้ทั่วร่างกายรวมทั้งของกระดูกและข้อ
  • หลังการดูแลตนเองแล้วอาการปวดหลังไม่ดีขึ้นภายใน 6 สัปดาห์

แนวทางการรักษาอาการปวดหลังช่วงล่าง คือ การรักษาสาเหตุ และการรักษาประคับ ประคองตามอาการ

การรักษาสาเหตุ เช่น การรักษา โรคกระดูกพรุน การฉายรังสีรักษากรณีเกิดจากการแพร่ กระจายของโรคมะเร็ง การรักษาทางจิตเวช และบางครั้งเป็นส่วนน้อยอาจใช้การผ่าตัดในกรณี อาการปวดเกิดจากโรคปวดหลังจากหมอนรองกระดูก หรือเกิดจากโรคกระดูกเคลื่อนกดทับประ สาท หรือกดทับไขสันหลัง เป็นต้น รวมทั้งในกรณีเป็นการปวดหลังซึ่งปวดร้าวมาจากโรคอื่นๆในช่องท้อง หรือในอุ้งเชิงกราน การรักษา คือ การรักษาสาเหตุของโรคนั้นๆเช่นกัน เช่น รักษาโรคนิ่วในไต เป็นต้น

การรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น การพักผ่อนซึ่งไม่ควรเกิน 2 วัน เพราะยิ่งหยุดการเคลื่อนไหว อาการปวดจะยิ่งเพิ่มขึ้น แพทย์มักแนะนำให้เคลื่อนไหวเท่าที่พอทำได้ การกินยาแก้ปวด ยาคลายกล้ามเนื้อ การประคบร้อน สลับประคบเย็น (บางคนอาการดีขึ้น บางคนไม่ได้ผล) และ/หรือการทำกายภาพบำบัด

การดูแลตนเอง การพบแพทย์เมื่อมีอาการปวดหลังช่วงล่าง คือ

  • พักการใช้หลัง ระวังการนั่ง ยืน เดิน นอน การยกของ ก้ม เงย
  • กินยาแก้ปวด
  • พยายามเคลื่อนไหวร่างกายเท่าที่พอจะทำได้ เพราะยิ่งไม่เคลื่อนไหว อาการปวดจะยิ่งเพิ่มมากขึ้น
  • อาจประคบร้อน ประคบเย็น หรือ ทั้งร้อนและเย็นสลับกัน ซึ่งจะได้ผลต่างกันในแต่ละคน
  • การนวดด้วยยาทาภายนอก ซึ่งอาจได้ผลในบางคน
  • การใส่เครื่องพยุงหลัง ซึ่งได้ผลในบางคน
  • ลดน้ำหนักเมื่ออ้วน หรือมีน้ำหนักตัวเกิน
  • เลิกบุหรี่ ไม่สูบบุหรี่
  • พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเมื่ออาการปวดหลังเลวลง หรืออาการไม่ดีขึ้นภายใน 6 สัปดาห์
  • รีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลภายใน 1-2 วัน หรือ ฉุกเฉิน ดังได้กล่าวแล้วในหัวข้ออาการของปวดหลังช่วงล่าง