กระดานสุขภาพ

มีลิ่มเลือดก่อนประจำเดือน
Maxw*****l

17 มกราคม 2561 14:40:36 #1

ประจำเดือนที่แล้วมาวันที่ 15/12/2017 

ตั้งแต่วันที่ 1/01/2018 ได้มีการตกขาวจนกระทั้งวันที่ 17/01/2018

วันที่15 และ 17 เดือนที่ 1 ปี 2018 ได้มีอาการ เป็นลิ่มเลือนคล้ายๆ ก้อนเลือดหมูเป็นลิ่มๆ 

ผมอยากทราบว่า 1. ข้อมูลที่ผมกล่าวไว้เป็นอาการของประจำเดือนหรือว่า อาการก่อนประจำเดือนครับ

                    2. ถ้าอาการดังกล่าวไม่ใช่อาการของประจำเดือนหรือก่อนประจำเดือน อาการดังกล่าวนี้เป็นอาการอะไรครับ

                    3. มีวิธีรักษา แก้ไข อาการดังกล่าวให้ดีขึ้นไหมครับ

                    4. ประจำเดือนควรมาช้าที่สุดวันไหนครับ 

 

ขอขอบพระคุณมากครับ

อายุ: 18 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 50 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 18.37 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.เกียรติศักดิ์ คงวัฒนกุล

(สูติ-นรีแพทย์)

23 มกราคม 2561 04:47:16 #2

ในเรื่องของอาการตกขาวที่มากขึ้นนั้น ปกติแล้ว ในช่วงหลังกลางรอบเดือนจนถึงก่อนจะมีประจำเดือนรอบถัดไป หรือหลัง มีเพศสัมพันธ์อาจมีสารคัดหลั่งที่มากขึ้นได้นะครับ หากไม่มีอาการผิดปกติใด เช่น ตกขาวสีเขียวหรือเหลือง กลิ่นเหม็น หรือปวดท้องน้อย ก็ไม่ต้องกังวลครับ สามารถสังเกตอาการไปได้ก่อนครับ ส่วนหากตกขาวนั้น หากตกขาวผิดปกติที่เป็นลักษณะสีขาวเหลือง คล้ายทิชชูเปียกหรือ นมโยเกิตร่วมด้วย และ มีอาการคันเป็นหลักนั้น จะเป็นอาการของการติดเชื้อราในช่องคลอดครับ และในบางท่านอาจมีอาการคันบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย ซึ่งลักษณะรอยโรคอาจเป็นผื่นสีออกชมพูหรือแดงๆ ขอบเขตชัดเจน มักเป็นสองข้างของปากช่องคลอดและผิวหนังระหว่างขาก็ได้ การรักษาหลักนั้น หากมีอาการภายในช่องคลอด ยาที่ใช้โดยทั่วไปเป็นมาตรฐานจะเป็นยาในช่ือสามัญ clotrimazole ครับ เป็นลักษณะเม็ด ใช้เหน็บช่องคลอด เป็นเวลา 7 วันนะครับ หากมีอาการภายนอกด้วย ก็อาจลองใช้ยาที่มีช่ือสามัญ clotrimazole ชนิดทา ทาก็ได้ครับ ที่สำคัญ ต้องทาบริเวณที่เป็นรอยโรค โดยเฉพาะอย่างย่ิง ที่ขอบ เพราะเชื้อราจะอยู่บริเวณนี้มากๆ และ เป็นบริเวณที่แบ่งตัว ลามต่อไปครับ ทาจนอาการดีชึ้นจนหาย และ ทาต่อประมาณ 1-2 สัปดาห์ด้วยนะครับ ไม่เช่นนั้น จะเป็นซ้ำได้ง่าย และในช่วงที่มีประจำเดือน อาจเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยขึ้นเพื่อลดความอับชื้นนะครับ งดเพศสัมพันธ์ก่อนนะครับ ส่วนหากมีลักษณะกลิ่นเหม็น หรือ คันมาก ตกขาวเป็นสีเขียวเหลืองจะเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดนะครับ ดังนั้น หมอแนะนำหากตกขาวยังคงผิดปกติอยู่ ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจภายใน หาสาเหตุและรักษาอย่างถูกวิธีนะครับ

ส่วนลักษณะประจำเดือนที่ผิดปกติ มาไม่เป็นรอบหรือไม่สม่ำเสมอ หรือ ระยะห่างระหว่างรอบไม่สม่ำเสมอนั้น สาเหตุส่วนใหญ่ในช่วงอายุนี้มักเกิดจากมีสาเหตุบางประการที่ทำให้มีทำให้ไข่ไม่ตก หรือ ตกไม่สม่ำเสมอ เช่น ภาวะเครียด วิตกกังวล พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา นอนดึกติดต่อกัน น้ำหนักเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว หรือ กำลังลดน้ำหนัก ออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป ภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ หรือ พร่องออร์โมน ทานยาหรือสารบางอย่างที่ออกฤทธ์คล้ายออร์โมน เช่น ยาสตรีต่างๆ ยาขับเลือด หรือ เดินทางบ่อย เปลี่ยนแปลงสถานที่หรือการดำเนินขีวิต เป็นต้นครับ หากสาเหตุต่างๆนี้หายไปหรือดีขึ้น อาการประจำเดือนก็จะกลับมาปกติ แต่หากไม่ได้มีสาเหตุอย่างที่หมอกล่าวไป และ รอบประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ มาไม่เป็นรอบ หรือ ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์แล้ว ก็ควรมาพบสูตินรีแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรักษาตามสาเหตุจะดีกว่าครับ ไม่ควรไปทานยาอะไรก็ตามที่ต้องการให้มีเลือดประจำเดือนออกมาหรือเป็นการขับเลือดนะครับ เนื่องจากยาในกลุ่มนี้หากเป็นกลุ่มที่เป็นฮอร์โมน นอกจะไม่ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นรอบดี ยังส่งผลต่อทำให้ประจำเดือนผิดปกติ อาจมามาก มากะปริดกะปรอย หรือ ขาดหายไปนาน และไม่มาตามรอบนะครับ

Maxw*****l

27 มกราคม 2561 14:01:30 #3

วันที่ 27/01/2018 ประจำเดือนยังไม่มา และได้มีเลือดปนกับตกขาวนิดเดียวครับ ช่วงนี้มี อาการ เพลีย ปวดหัว เวียนหัว และ มีอาการอยากอาเจียนแต่ไม่อาเจียนออกมาครับ 

1.ถ้าประจำเดือนคลาดเคลื่อนนาน แบบนี้ ควรทำอย่างไรครับ 

2. จากอาการที่เพิ่มเติมดังกล่าว อะไรเป็นเหตุให้เกิดอาการเหล่านี้ได้บ้างครับ คุณหมอพอจะแนะนำให้ประจำเดือนมาเร็วขึ้นได้ครับ (แฟนผมไม่ชอบทานยาครับ) 

3. รอบประจำเดือน ขาดหายไปนานเกิน 3 สัปดาห์นี้นับจากวันที่ควรจะมาในเดือนนี้ใช่ไหมครับ

ขอบพระคุณครับ

Maxw*****l

28 มกราคม 2561 15:13:20 #4

เพิ่มเติมครับ วันที่ 28/01/2018 ได้ มี เมือกสีแดงๆตรงอวัยวะเพศหญิงครับ