กระดานสุขภาพ

เป็นตุ่มที่อวัยวะเพศตรงแคมใน ปากช่องคลอด
Kk_4*****3

6 มกราคม 2561 09:06:25 #1

เป็นตุ่มที่อวัยวะเพศ คัน มีอาการเริ่มตั้งแต่ใช้สบู่เหลวถู มีอาการเเสบ แล้วจากนั้นคันเป็นตุ่มและหนูได้ไปเกาจนบวม แต่ปกติใช้แล้วสบู่เหลวยี่ห้อนี้ล้างก็ไม่มีอาการอะไรนะคะ พึ่งเป็นตอนนี้ เลยให้แฟนบีบออก แฟนบอกว่ามันเป็นหัวเส้นสีขาวออกมา มีประวัติเพศสัมพันธ์กับแฟนแค่คนเดียว แล้วฉีดยาป้องกันมะเร็งปากมดลูก(ที่เป็น3เข็ม)ค่ะ คือหนูอยากทราบว่าเป็นอะไรและเกิดจากอะไรค่ะ เพราะมีเพศสัมพันธ์กับแฟน แฟนก็ขึ้นตุ่ม3ตุ่มคัน แต่บีบออกก็หาย

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Kk_4033-40972.png

อายุ: 20 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 54 กก. ส่วนสูง: 157ซม. ดัชนีมวลกาย : 21.91 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Anonymous

6 มกราคม 2561 09:14:49 #2

https://uppicimg.com/v/sSfAuvnp นี้รูปประกอบค่ะ หลังจากบีบออกมาแล้วครั้งหนึ่ง เหลือแค่นี้ค่ะ หนูใช้เบตาดีนทาก็เริ่มยุบค่ะ
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

7 มกราคม 2561 18:32:26 #3

ตุ่มดังกล่าวเป็นลักษณะปกติที่พบได้เรียกว่า vestibular papillomatosis ไม่ต้องทำการรักษาแต่อย่างใด เพราะเป็นติ่งเนื้อปกติที่พบได้ในสตรีทั่วไป ไม่ใช่หูดถ้าเป็นหูด จะมีลักษณะรอยโรคคล้ายหงอนไก่เป็นติ่งเนื้ออยู่เป็นกลุ่มยื่นออกมา มีลักษณะคล้ายหงอนไก่ค่ะ

Anonymous

7 มกราคม 2561 22:11:23 #4

รบกวนสอบถามค่ะ แต่ทำไมมีอาการคันมากเลยค่ะ แล้วเวลามีเพศสัมพันธ์ก็รู้สึกเจ็บและเเคบมากเลยค่ะ ตอนแรกเป็นตุ่มเยอะค่ะ
Anonymous

7 มกราคม 2561 22:23:23 #5

รับทราบค่ะ จะพยายามดูแลความสะอาดค่ะ ตอนแรกเป็นกังวลเพราะมีเพศสัมพันธ์แล้วแฟนมีอาการด้วย ตอนนี้อาการเริ่มดีขึ้นแล้วค่ะ ตุ่มยุบลงและอาการคันน้อยลงมากแล้ว
รศ.พญ. สายฝน ชวาลไพบูลย์

(สูติ-นรีแพทย์)

9 มกราคม 2561 08:40:22 #6

อาการคันน่าจะเกิดจากการติดเชื้อรา ซึ่งน่าจะมีการติดเชื้อภายในช่องคลอดและสิ่งคัดหลั่งที่มีเชื้อราปนเปื้อนไหลออกมาภายนอกช่องคลอด จึงทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณผิวหนังรอบนอกทำให้เกิดอาการคัน และมีตุ่ม การรักษาจะต้องใช้ยาสำหรับเชื้อราทาภายนอก และอาจจะต้องสอดยาทางช่องคลอดด้วย เพื่อทำให้การติดเชื้อทั้งในและนอกช่องคลอดดีขึ้น ควรพยายามหลีกเลี่ยงความอับชื้นโดยการใช้ผ้าอนามัยแผ่นบางและเปลี่ยนทิ้งให้บ่อยทุก 2-3 ชั่วโมง ถ้าไม่มีความอับชื้นการติดเชื้อราก็จะดีขึ้นได้ ถ้าแฟนได้รักษาร่วมด้วยก็จะดีมากโดยให้แฟนรับประทานยาต้านเชื้อราเพื่อที่จะได้หายไปพร้อมกัน แต่ถ้าอาการคุณดีขึ้นแล้วอาจจะสังเกตอาการไปก่อนก็ได้ถ้ากลับมามีอาการใหม่ก็ให้รักษาตามที่หมอแนะนำ แต่ในกรณีที่ไม่แน่ใจว่ามีการติดเชื้อราหรือไม่ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยจะได้รับการรักษาที่ถูกต้องต่อไปค่ะ
________________________________________