กระดานสุขภาพ

ยาPRIMOLUT-N 5 MG กับ ยาคุมกำเนิด
Pear*****o

17 ธันวาคม 2560 14:10:02 #1

รบกวนแรึกษาคุณหมอหน่อยคะ คือหนูได้รักษาโรคPOCSมาได้ 1 ปีแล้วคะโดยการทานยา PRIMOLUT-N 5 MG มาตลอดแบบไม่มา 2 เดือนทานครั้งและทาน 3 เดือน คือหนูอยากทราบว่าการทานยาปรับฮอร์โมนกับทานยาคุมกำเนิดอันนั้นจะมีผลดีกว่ากันคะ คุณหมอที่รีกษาเขาให้หนูเป็นคนเลือกเองว่าเราจะทานแบบไหน คือไม่รุ้ว่าจะทานแบบไหนดีรบกวนคุณหมอด้วยนะคะ
อายุ: 25 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 65 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.49 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
ภก.ประดิษฐ์ งามศิริผล

เภสัชกร

25 ธันวาคม 2560 16:44:01 #2


เรียน คุณ 8eae6,

ขอให้ข้อมูลว่ายาแต่ละตัวมีการออกฤทธิ์แบบใด เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกใช้ยาตามความเหมาะสมของคุณ

  • 1. ตัวยา P... ประกอบด้วยตัวยา norethisterone 5 มิลลิกรัม เป็นฮอร์โมนโปรเจสตินเดี่ยว ๆ แพทย์มักให้รับประทานเดือนละ 1 ครั้งในช่วง 10-14 วันหลังของรอบประจำเดือน ใช้เพื่อป้องกันไม่ให้เยื่อบุโพรงมดลูกหนาตัวเกินไป จนเสี่ยงต่อการเป็นเนื้องอกได้ เมื่อหยุดยา ก็จะทำให้เกิดการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก คล้ายเลือดประจำเดือน แต่ไม่ได้มีการตกไข่เหมือนธรรมชาติ
  • ข้อดี คือ ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาทุกวัน
  • ข้อเสีย คือ ตัวยาไม่ได้มีฤทธิ์ในการคุมกำเนิด หากต้องการคุมกำเนิดควรใช้ถุงยางอนามัย เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ ไม่ควรรับประทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดความไมสมดุลของฮอร์โมนเพศหญิง
  • 2. ยาคุมกำเนิดประกอบด้วยตัวยาฮอร์โมนเอสโตรเจน และฮอร์โมนโปรเจสติน มักเลือกใช้ชนิดที่มีเอสโตรเจนปริมาณไม่สูงมาก เพื่อป้องกันการกระตุ้นไม่ให้รังไข่ให้ทำงานมากเกินไป และมีการปรับสมดุลด้วยฮอร์โมนโปรเจสติน ทำให้คล้ายกับลักษณะตามธรรมชาติ เมื่อหยุดยาก็จะมีการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้มีรอบประจำเดือนตามปกติ (แม้จะไม่มีการตกไข่ก็ตาม)
  • ข้อดี คือ ทำให้ปรับสมดุลของฮอร์โมนตลอดเดือน ช่วยในการคุมกำเนิดด้วย ปรับให้มีรอบประจำเดือนเป็ฯ ทุก 28 วัน
  • ข้อเสีย คือ จำเป็นต้องรับประทานยาทุกวัน ไม่ควรลืมรับประทานยา เพือให้ระดับยาในเลือดสมำ่เสมอ ในบางรายอาจเกิดภาวะเลือดออกกะปริบกะปรอยระหว่างเดือนได้

ช่วงนี้นอกจากการใช้ยาเพื่อการรักษาแล้ว ควรมีการลดน้ำหนัก. ควบคุมอาหาร (งด/ลดอาหารที่มีไขมันสูง หรืออาหารปิ้งย่าง) ออกกำลังกายสม่ำเสมอ. พยายามไม่เครียด จากการศึกษาพบว่าสตรีที่อ้วน หรือมีไขมันในช่องท้องมากจะมีโอกาสเสี่ยงในการเกิดภาวะดังกล่าว รวมถึงฮอร์โมนแห่งความเครียด หรือคอร์ติซอล จะยับยั้งไม่ให้ระบบเมตาบอลิซึ่มทำงานเป็นปกติ. จะเก็บกักสารอาหารที่คิดว่าจำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น น้ำตาล (เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน) เกลือโซเดียม (บวมน้ำ โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง). แคลเซียม (ภาวะกระดูกบาง กระดูกพรุน) ไขมัน (โรคหัวใจ ไขมันในเลือดสูง ภาวะไขมันเกาะตับ). ระบบสืบพันธุ์ไม่ทำงาน นอกจากนี้ยังทำให้เซลล์ผิวหนังเหี่ยวย่นง่าย คอลลาเจนถูกทำลาย (หน้าแก่ก่อนวัย ไขข้ออักเสบ) เซลล์สมองเสื่อมก่อนวัย เป็นต้น

การออกกำลังกายนอกจากช่วยลดไขมันในช่องท้อง ยังเพิ่มสารเอนดอร์ฟิน ต้านฤทธิ์คอร์ติซอล การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมงต่อวัน และพยายามเข้านอนก่อนเวลา 23.00 น. เนื่องจากช่วง เที่ยงคืนถึงตีสองช่วงที่นอนหลับสนิท ต่อมใต้สมองจะมีการหลั่งโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย เสริมฤทธิ์การทำงานของอินซูลิน ลดการถูกทำลายของคอลลาเจน ช่วยให้เกิดความจำระยะยาว
หากมีข้อสงสัยเร่งด่วนเกี่ยวกับการใช้ยา สามารถสอบถามได้จากแพทย์หรือเภสัชกรทันที ไม่ควรรอคำตอบจากทางหน้าเว็บ เนื่องจากอาจช้าไม่ทันการ เสี่ยงต่อการตั้งครรภ์หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างกัน "ยาตีกัน" จนเกิดอันตรายต่อสุขภาพได้


เภสัชกรประดิษฐ์ งามศิริผล


แนะนำบทความดี ๆจากกองบรรณาธิการของเราที่

  • พีซีโอเอส หรือ พีโอเอส: กลุ่มอาการรังไข่มีถุงน้ำหลายใบ (PCOS หรือ POS : Polycystic ovarian syndrome)
  • รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ
  • สูตินรีแพทย์
  • นอร์อิทิสเตอโรน (Norethisterone) หรือ พริมโมลูท เอ็น (Primolut N)
  • เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
  • ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)
  • แพทย์หญิง กีรติ ลีละพงศ์วัฒนา
  • สูตินรีแพทย์