สอบถามเรื่องตับอักเสบ ถ้า ค่า ast/alt กลับมาปกติแล้วจะมีโอกาศเป็นอีกไหมครับ | |
coffeebirdy |
วันที่ 28 มีนาคม 2012 เวลา 20:54 น.
#1
เรียนคุณหมอผู้เชี่ยนชาญทางด้านโรคตับ ขอปรึกษาเรื่องของอาการโรคตับอักเสบ เมื่อ ประมาณ 1 เดือน ที่ผ่านมา ผมมีอาการจุกแน่นบริเวณกระเพราะอาหารเยื้องไปทางวี่โครงด้านขวา จึงไปพบแพทย์ที่เชี่ยวชาญทางด้านทางเดินอาหาร คุณหมอที่คลินิกได้ใช้หูฟังฟังบริเวณช่องท้อง แล้วบอกว่า เป็นไขมันเกาะตับ ผมจึงไปตรวจการทำงานของตับ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา ค่า AST (ภาวะตับบวมหรือตับอักเสบ) 132 และ ALT (ภาวะตับบวมหรือตับอักเสบ) 192 และ ไขมันโคเลสเตอรอล 352 (สูง) / 200 mg/dl และก็ไป อัลตราซาวที่บริเวณ ถุงน้ำดี ไต กระเพราะปัสวะ ไม่พบก้อนนิ่ว และ ตับ ผิวไม่หยาบก้าน ผมจึงนำผลเลือดที่ได้ไปพบคุณหมอเฉพาะทางที่รักษาทางด้านระบบทางเดินอาหารรวมไปถึงโรคตับ คุณหมอก็เลยสั่งตรวจเลือด หา ไวรัส ตับ บี ซี และ ภาคภูมิต้านทาน ผลจากแหลบ เป็นปกติไม่พบการติดเชื้อไวรัส คุณหมอ จึงให้ยามาทาน มีวิตตามิน และ ยาบำรุงตับ SAMARIN 140 สองตัวนี้ผมทานมาอยู่ ประมาณ 2 สัปดาห์ ระหว่างนั้นมีอาการแน่นบริเวณซีกโครงซ้ายเป็นพักๆ แบบนั่งเอียงตัวไม่ได้ จะรู้ซึกเหมือนมีอ่ะไรคล้ำๆ ต้องนอนพักจึงจะหาย แต่ก็เป็นๆ หายๆ อยู่ 4 - 5 วัน แต่ไม่มีอาการใดร่วมเลย ไข้ไม่มี หรือปวดช่องท้อง หรือ อาการอื่นๆ ปกติทุกอย่างนอกจากมีอาการแน่นเท่านั้นเอง คุณหมอให้ผม ควบคุมอาหาร ตอนนี้ทานข้าว น้อยลง ทาน พวกผัดผักที่ผัดด้วยน้ำ ลดอ่อน ไม่มีน้ำมัน ไม่หวานเกิน เค็มเกิน ทานปลาไม่ทานเนื้อสัตว์อื่นๆเลย นมหวานไม่ทานทานนมจืด ตอนนี้น้ำหนักลดลงมาได้ 7 โลโดยประมาณ จากเดิม ที่มีน้ำหนัก 89-90 ตอนนี้เหลือ 81-82 กิโลกรัม ผมสูง 173 ผล ค่า AST (ภาวะตับบวมหรือตับอักเสบ) 13 (ปกติ) และ ALT (ภาวะตับบวมหรือตับอักเสบ) 23 (ปกติ) ผมหยุดทานยาเนื่องจากยาหมด และเมื่อวันที่ 25 มีนาคม ผมไปตรวจ การทำงานของตับ เพื่อคอนเฟริมอีกครั้ง หลังจากหยุดยามาได้เกลือบอาทิตย์ ผล ค่า AST (ภาวะตับบวมหรือตับอักเสบ) 33 (ปกติ) และ ALT (ภาวะตับบวมหรือตับอักเสบ) 26 (ปกติ) ผมจึงอยากสอบถามคุณหมอเพิ่มเติมว่า อาการตับอักเสบจะมีโอกาศกลับมาเป็นอีกหรือไม่ และเท่าที่ผมดูแลรักษาสุขภาพ ทานยาตามหมอสั่ง ไม่ทานของมัน ทานผักคุมน้ำหนัก ยาไม่ทาน อีกอย่างผมไม่ทานเหล้า หรือ สูบบุหรี แต่ก่อนทานกาแฟ กับ คาราบาวเยอะ ตอนนี้หยุดหมดแล้วครับ จะมีโอกาสหายขาดหรือ มีโอากาสเสี่ยงเป็นโรคตับแข็งหรือไม่ครับ ตอนนี้อาการแน่นท้องหายไปแล้วครับ แต่มีบ้างเล็กน้อย แต่ไม่ใช่จุดเดิมที่เป็น มันย้ายลงไปบริเวณเอว(หรือผมคิดไปเองก็ไม่ทราบครับ)แต่อาการมันก็เหมือนแน่นๆๆ แต่ไม่มากเท่ากับตรงที่เป็นตอนค่าตับสูงครับ *** ส่วนหาเหตุการเป็น ผมทานยารักษาที่คอเช่น ยาฆ่าเชื้อ ยาคลายกล้ามเนื้อที่มีส่วนผสมพารา ทานมากว่า 3 เดือน เพราะคุณหมอท่านให้มาทาน และก่อนหน้าที่จะมีอาการบวม ผมไปทานนมที่ไม่ได้ผ่านการพาสเจอร์ไลน์ นมวัวต้มใส่น้ำตาลมากรอกขวดขาย สังเกตมีไขมันลอยตัวอยู่ ผมทานไป 4-5 ขวด ติดต่อกัน 1 อาทิย์ และไปทานหมูกระทะ ทานปลาหมึกกรอบ ที่เขาแช่น้ำ ทานจานใหญ่ครับ และทานพวกเครื่องดื่มชูกำลัง และกาแฟ ต่างๆ เพราะผมทำงานดึกครับ แต่ตอนนี้งดหมดแล้วครับ และก็พักผ่อนมากขึ้นครับ
|
![]() |
วันที่ 29 มีนาคม 2012 เวลา 12:08 น.
#2
คุณได้ตรวจรักษากับแพทย์โรคทางเดินอาหาร เป็นการถูกต้องแล้ว อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะโรคตับอย่างเดียวยังไม่มีในบ้านเรา โรคตับมักเป็นการดูแลโดยแพทย์ทั่วไป และ/หรือแพทย์ทางเดินอาหาร ดิฉันเป็นแพทย์ทั่วไป ซึ่งขอตอบคำถามคุณดังนี้ โรคตับอักเสบจากสาเหตุต่างๆ เมื่อเกิดขึ้นแล้วสามารถเกิดได้อีกเสมอ อาจจากสาเหตุเดิม หรือจากสาเหตุใหม่ เช่น จากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ จากการกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรค หรือปนเปื้อนสารพิษต่างๆในสิ่งแวดล้อม รวมทั้งในน้ำดื่ม กินยาต่างๆพร่ำเพื่อ (แนะนำให้คุณเข้าไปอ่านเรื่อง ยา ในเว็บของเรา เขียนโดยเภสัชกร คุณอภัย เพื่อคุณจะได้ทราบวิธีการใช้ยาอย่างเหมาะสม) การสูบบุหรี่ และ/หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีผลต่อการทำงานของตับโดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ซึ่งคุณทราบทุกอย่างในการดูแลตนเองดีมากที่เดียว และปฏิบัติได้อย่างดีมากเช่นกัน และเมื่อได้ปฏิบัติ คุณก็เห็นเองแล้วว่า โรคของคุณดีขึ้นถึงขั้นหาย ส่วนเมื่อเป็นโรคตับอักเสบและไม่ดูแลตนเองให้ดี จะมีโอกาสเกิดการอักเสบของตับซ้ำอีกได้ ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคตับแข็งได้ และโรคตับแข็งจะเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งตับ แต่คุณก็กลับไปใช้ชีวิตทุกอย่างเหมือนเดิมอีกเมื่อหายแล้ว ดังนั้นโอกาสเกิดตับอักเสบซ้ำจึงขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง คุณต้องหาทางปรับตัว ใครคงช่วยคุณไม่ได้นอกจากตัวคุณเอง ใช้ข้ออ้างว่าทำงานดึกไม่ดีนะคะ อีกประการคุณควรยังต้องพบแพทย์โรคทางเดินอาหารสม่ำเสมอ ถึงแม้แพทย์ไม่นัด อย่างน้อยทุก 3-6 เดือน โดยขอให้แพทย์นัดคุณให้สม่ำเสมอ เพื่อคอยตรวจสอบอาการและแนะนำการดูแลตนเองให้คุณอย่างเหมาะสม และคุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ บี ด้วย นอกจากนั้น ในการพบแพทย์ พยาบาลแต่ละคนที่ไม่เคยตรวจรักษาคุณมาก่อน คุณควรแจ้งแพทย์ พยาบาลเสมอว่า คุณเคยป่วยเป็นโรคตับอักเสบ
พญ. พวงทอง ไกรพิบูลย์ |
coffeebirdy |
วันที่ 29 มีนาคม 2012 เวลา 17:43 น.
#3
ขอบพระคุณคุณหมอมากครับ ตอนนี้ค่อยโล่งอกไปได้เยอะเลยจากคำแนะนำของคุณหมอ ผมจะนำไปปฏฺิบัติครับ และจะหมั่นไปพบคุณหมอเพื่อคอยตามอาการทุก สาม ถึง หกเดือนครับ |
coffeebirdy |
วันที่ 31 มีนาคม 2012 เวลา 10:19 น.
#4
ไปพบแพทย์ระบบทางเดินอาหารมาแล้วครับ และขอแพทย์ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีเพื่อป้องกันแล้วครับ และหมอนัดไป ฉีดอีกครั้ง เดือนพฤษภาครับ |