กระดานสุขภาพ

เป็นผื่นแดง เรื้อรัง ไม่คัน
Noom*****9

19 สิงหาคม 2560 06:30:49 #1

เป็นผื่นแดง รอบๆผื่นแดงเป็นรอยขาวๆ ไม่คัน เป็นตอนเช้า แต่ถ้าได้อยู่ที่เย็นๆผื่นจะจางลง และถ้าได้นอนผื่นจะหายเกือบสนิทครับ เป็นมาประมาณ2เดือน ยาที่เคยใช้มี ซี***, ซี***, lo****(loratadine 10 mg). เคยกิน lo**** เช้า และ ก่อนนอน อาการหายไปพักนึง แต่หยุดยา2วัน อาการก็กลับมาเหมือนเดิม และใช้นาปริมาณเดิม อาการก็ไม่หายเหมือนคราวก่อน ต่อมาลองเปลี่ยนยาเป็น ซีซาลก่อนนอน และlo**** ตอนเช้า อาการไม่ได้ดีขึ้น จากนั้นไปหาหมอ หมอจ่ายยาa*** ให้กินเช้า และยาlor***กินก่อนนอน และถ้าไม่ดีขึ้นให้เพิ่มlo****ในตอนเช้าอีก1เม็ด ซึ่งอาการดีขึ้นเล็กน้อย จึงอยากรบกวนคุณหมอว่าควรทำการรักษาอย่างไรต่อดี
อายุ: 37 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 68 กก. ส่วนสูง: 173ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.72 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
รศ.พญ.เปรมจิต จันทองจีน

แพทย์โรคผิวหนัง

19 สิงหาคม 2560 20:40:21 #2

ไม่เห็นภาพ ไม่ได้ตรวจร่างกาย อาจบอกให้ชัดเจนลำบากค่ะ ว่าเป็นอะไร

แต่จากประวัติที่ผื่นเป็นๆ หาย ๆ คิดถึงมากที่สุดน่าจะเป็นกลุ่มลมพิษ

ลมพิษโดยทั่วไปแบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
1.ลมพิษฉับพลัน มักเกิดในระยะเวลาไม่เกิน 6 สัปดาห์ สาเหตุมักเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น ยา อาหารเสริม การติดเชื้อ เป็นต้น
2.ลมพิษเรื้อรัง มักเป็นๆหายๆ ในระยะเวลามากกว่า 6 สัปดาห์ ส่วนใหญ่ไม่ทราบสาเหตุ หรือสาเหตุที่อาจเป็นไปได้เช่น โรคธัยรอยด์ ภาวะซีดบางชนิด การติดเชื้อบางอย่าง เป็นต้น หรือเป็นลมพิษที่สัมพันธ์กับปัจจัยทางกายภาพ เช่นอากาศร้อน หรือเย็น

อย่างไรก็ตาม ลักษณะเด่นของลมพิษคือ ผื่นบวม แดง คัน เป็นๆ หายๆ หายได้ภายใน 24 ชั่วโมง หายแล้วไม่เหลือรอย ในขณะที่ลมพิษที่เป็นและรักษายาก เป็นอยู่นานมากกว่า 24 ชั่วโมง และเมื่อหายแล้วเหลือเป็นรอยดำ คือลมพิษที่มีเส้นเลือดอักเสบร่วมด้วย (Urticarial vasculitis) ซึ่งลมพิษชนิดนี้ จำเป็นต้องได้รับการตรวจยืนยันการวินิจฉัยโดยทางตรวจชิ้นเนื้อทางห้องปฏิบัติการ และอาจจำเป็นต้องตรวจเลือดเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่เกี่ยวข้องด้วย

สำหรับในกรณีนี้ ถ้าเป็นกลุ่มลมพิษ ก็อาจจะเข้าได้กับกลุ่มลมพิษเรื้อรัง ซึ่งอาจต้องตรวจทางห้องปฏิบัติการเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่อาจเป็นไปได้ต่อไป

การรักษา
1.หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น
2.รับประทานยาแก้แพ้ เพื่อควบคุมอาการต่อเนื่อง โดยยาแก้แพ้แก้คันนี้ ในบางกรณีที่ควบคุมโรคยาก อาจปรับยาที่ใช้เพิ่มได้ถึง 4 เท่าของขนาดที่ใช้ปกติ ทั้งนี้ควรอยู่ภายใต้ความควบคุมของแพทย์ค่ะ

แนะนำควรไปพบแพทย์รักษาอย่างต่อเนื่องค่ะ