กระดานสุขภาพ

มีน้ำมูกเขียวๆ ออกจากทวารหนัก
Anonymous

10 เมษายน 2560 19:01:27 #1

หมอครับ !!! ผมสังสัยว่า ผมมีน้ำมูกๆ เมือกๆ เขียวๆ ออกมาจากทวารหนักอ่าครับผมเอามือไปคลำๆ แล้วมันเปียกๆ แถวๆทวารหนัก ตอนแรกนึกว่าเป็นเหงือครับแต่มันมีมูกๆ ผมกังวลว่าจะเป็นหนองใน ผมเข้าใจว่าเป็นริดสีดวง เลยซื้อยา ดาโฟมีน มาทาน มันหายเจ็บครับ แต่ตอนนี้ มันมีน้ำมูกๆไหลออกมา เกี่ยวไม่ครับที่ผม เป็นคนไม่ได้มีการขับถ่ายทุกวัน หรือผมจะเป็นหนองใน
อายุ: 24 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 70 กก. ส่วนสูง: 178ซม. ดัชนีมวลกาย : 22.09 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
นพ.อนุพงศ์ ชิตวรากร

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และโรคผิวหนัง

12 เมษายน 2560 03:01:16 #2

อาการมีหนองหรือมูกจากทวารหนัก ร่วมกับการมีความเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ในกรณีของคุณถ้าเป็นชายรักร่วมเพศหรือเกย์ที่มีคู่นอนหลายคนโดยไม่ใช้ถุงยาง มีการสอดใส่ทางทวารหนัก น่าจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ที่พบบ่อยคือ หนองใน (แท้) ซึ่งเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า ไนซีเรีย โกโนคอคไค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ) ที่ดีที่สุดคือยาฉีด ceftriaxone 250 mg ฉีดเข้ากล้ามเนื้อเข็มเดียว ได้ผลร้อยละ 95 ขึ้นไปครับ ส่วนอีกสาเหตุที่พบได้คือหนองในเทียม เกิดจากเชื้อหลายชนิด ที่พบมากคือเชื้อคลามัยเดียและมัยโคพลาสมา ที่สำคัญคือประมาณ 10 % ยังไม่ทราบสาเหตุ รักษาโดยให้ยาปฏิชีวนะ (ยาแก้อักเสบ)ที่ได้ผลดีคือ ด็อกซี่ซัยคลีน หรือ อิริโทรมัยซิน กินประมาณ 2 อาทิตย์ ในปัจจุบันอาจมียาที่กินครั้งเดียว คือ อะซิโทรมัยซิน 1 กรัม แต่จะได้ผลน้อยกว่า หรือถ้ามีแผลรอบๆทวารหนัก ก็อาจจะเป็นเริมในกรณีที่เป็นครั้งแรก จะมีอาการรุนแรง เช่น มีตุ่มน้ำหลายๆกลุ่ม ปวดแสบปวดร้อน ตุ่มน้ำแตกเป็นแผล เจ็บและอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วย นอกจากนี้อาจมีไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบโตต้องรักษาโดยกินยาอะซัยโครเวียร์ (Aciclovir) ครั้งละ 200 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง (วันละ 5 เม็ด)ประมาณ 1 อาทิตย์ และเมื่อเป็นแล้ว มักเป็นๆหายๆ เพราะจะมีเชื้อเริม (ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่เรียกว่า เฮอร์ปีส์ Herpes) ไปแฝงตัวอยู่ที่ปมประสาทใต้ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ แต่การเป็นซ้ำครั้งต่อๆไปจะไม่รุนแรงหรือแผลซิฟิลิสระยะที่ 1 หรือระยะที่ 2 แต่ถ้าคุณไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ได้มีการสอดใส่ทางทวารหนัก ก็ไม่ใช่โรคติดต่อ อาจจะเป็นริดสีดวง โดยสรุป ขึ้นกับลักษณะของอาการที่เป็นร่วมกับพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศสัมพันธ์ การรักษาขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยสาเหตุของโรค แนะนำหาหมอครับ